ชมรมสลาก 3 ตัว 2 ขู่เคลื่อนไหวใหญ่สิ้นเดือนหน้า หากรัฐบาลยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนเรื่องสลากออนไลน์ พร้อมยื่นข้อเท็จจริงให้บอร์ดกองสลากประชุม 30 มิ.ย.สงสัยมีการบิดเบือนข้อมูลให้สังคมมองในแง่ร้าย เบื้องหลังมีนักการเมืองกลัวสูญเสียผลประโยชน์จากลอตเตอรี่
นายวรวุฒิ กมลวิทยานนท์ ประธานชมรมสลาก 3 ตัว 2 ตัว เปิดเผยภายหลังการประชุมที่ รร.รัตนโกสินทร์ วานนี้ (29 มิ.ย.) ว่า ทางชมรมได้จัดทำเอกสาร ฟังความจริงของสลากออนไลน์ เพื่อเตรียมเสนอข้อมูลให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กลุ่ม ส.ว.ที่คัดค้าน และคณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ซึ่งคณะกรรมการสลากฯ จะมีการประชุม
ประธานชมรมสลากฯ เชื่อว่า มีผู้ที่ได้ประโยชน์จากการปล่อยให้เกิดความคลุมเครือในข้อมูลสลากออนไลน์ โดยเฉพาะนักการเมืองที่ออกมาสนับสนุนหวยใต้ดินจนออกนอกหน้า ทำตัวเป็นมาเฟียขายลอตเตอรี่เกินราคา ซึ่งชมรมจะตรวจสอบรายละเอียดผู้ถือโควตาลอตเตอรี่ ว่า มีกลุ่มนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยมากน้อยแค่ไหนต่อไป โดยจะให้เวลารัฐบาลให้คำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายเรื่องดังกล่าว ภายในเดือน ก.ค.นี้ หากไม่มีความคืบหน้าใดๆ ออกมา ชมรมจะมีมาตรการที่ยืนยันว่าจะมีผลกระทบต่อรัฐบาลแน่นอน
“เราสงสัยว่า นักการเมืองคงได้รับผลประโยชน์จากการหน่วงเหนี่ยวหวยออนไลน์ไม่ให้เกิดขึ้นมาหลายรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มแกนนำของชมรมได้หามาตรการตอบโต้ไว้แล้ว โดยเราจะต่อต้าน 2 พรรคการเมืองที่อยู่ในฝ่ายรัฐบาลและพรรคร่วมจนถึงที่สุด แม้จะมีการยุบสภาไป หรือเลือกตั้งใหม่ ก็จะต่อต้านตลอดไป คราวนี้ไม่ใช่คำขู่แน่นอน ยืนยันว่า มาตรการตอบโต้ที่จะออกมานั้น จะมีผลกระทบทำให้รัฐบาลอย่าได้หวังเป็นรัฐบาลอีกเลย”
ในหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงในการประชุมชมรม นายวรวุฒิ เปิดเผยว่า มีข้อกล่าวหา 6 เรื่องที่ไม่เป็นความจริง ได้แก่ กรณีที่มองว่าสลากออนไลน์ เข้าถึงง่าย เป็นการมอมเมาประชาชนนั้น ยืนยันว่า สลากออนไลน์นั้นผู้ซื้อกดเลขเองไม่ได้ ต้องมีพนักงานดำเนินการให้ ซึ่งที่ผ่านมาประชาชน 90% ยังเข้าใจผิด และมีบุคคลบางกลุ่มพยายามทำให้เข้าใจเช่นนั้น ซึ่งการออนไลน์นั้น ไม่ได้ทำให้ลูกค้าสะดวกขึ้น เพราะไม่ได้ออนไลน์กับคนซื้อ แต่เป็นการออนไลน์ระหว่างเครื่องของตัวแทนกับสำนักงานสลากฯ เพื่อส่งข้อมูลให้เร็วขึ้น แม่นยำขึ้นเท่านั้น
ส่วนปัญหาเรื่องเด็กนักเรียน นักศึกษาที่จะมาซื้อมากขึ้นนั้น ก็ไม่เป็นความจริง โดยหากมีสลากออนไลน์แล้ว ประชาชนจะซื้อสลากได้ยากขึ้น เพราะมีจุดขายน้อยลง โดยมีจุดขายเพียง 12,000 เครื่องทั่วประเทศ แต่ระยะแรกติดตั้งเพียง 6,000 กว่าเครื่องเท่านั้น เมื่อเทียบกับลอตเตอรี่ และหวยบนดินแบบเดิม อีกทั้งยังถูกจำกัดไว้ว่าต้องห่างจากวัดและสถานศึกษาไม่น้อยกว่า 100 เมตร ทำให้การซื้อยากขึ้น ขณะที่ลอตเตอรี่นั้นมีจุดขายมากกว่า 60,000 แห่ง หรือหวยใต้ดินที่หาซื้อได้ง่ายที่สุด เพราะโทร.สั่งซื้อได้ และเชื่อซื้อได้ด้วย แต่สลากออนไลน์นั้น ต้องจ่ายเงินสดเท่านั้น และขั้นต่ำต้อง 40 บาทขึ้นไป
“นักเรียน นักศึกษานั้น ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่จะขายให้อยู่แล้ว เพราะใครฝ่าฝืนมีโทษและถูกยึดเครื่องคืนด้วย จึงไม่มีใครอยากขายให้ เพราะไม่คุ้ม และที่ผ่านมา กลุ่มนี้ซื้อเพียง 3% เท่านั้น แต่หากมีสลากออนไลน์แล้ว จะทำให้หวยใต้ดินหายไป 70-80% ก็นับว่าน่าพอใจแล้ว และยืนยันว่าแม้จะมีสลากออนไลน์ ก็ไม่กระทบต่ออาชีพของคนขายลอตเตอรี่ ที่มาประท้วงว่าจะทำให้หมดอาชีพ และจะให้ลอตเตอรี่พิมพ์จากตู้ เพราะในช่วงที่มีหวยบนดินแบบเดิม ได้พิสูจน์แล้วว่าลอตเตอรี่ยังขายได้ อีกทั้งยังมีราคาถูกลงเหลือ 80 บาทอีกด้วย”
นายวรวุฒิ กล่าวว่า ถ้าขายลอตเตอรี่ราคาคู่ละ 80 บาท จะได้กำไรงวดละ 8% ปีละ 200% ซึ่งถือว่าไม่เดือดร้อน แต่ปัจจุบันขายกันที่คู่ละ 110 บาท เท่ากับได้กำไรงวดละ 26% หรือปีละ 624% แสดงให้เห็นว่าผู้ค้าลอตเตอรี่ค้าน เพราะกำไรส่วนเกินมหาศาลจะหายไป ทั้งๆ ที่แม้ขายตามราคาปกติ ก็กำไรมากอยู่แล้ว
พ.ร.บ.สำนักงานสลาก มาตรา 5 วงเล็บ 2 ระบุไว้ว่าสำนักงานต้องมีโรงพิมพ์ และโรงพิมพ์ต้องพิมพ์ลอตเตอรี่ ถ้าไม่พิมพ์ถือว่าทำผิด พ.ร.บ.ดังกล่าว ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาลอตเตอรี่มาออกโดยเครื่องออนไลน์ ขณะเดียวกัน หากมีสลากออนไลน์ ไม่ใช่เป็นการนำเอาของผิดกฎหมายมาทำให้ถูกกฎหมาย แต่เป็นการเอาสิ่งที่ถูกกฎหมายมาลดสิ่งที่ผิดกฎหมาย เหมือนกับการมีลอตเตอรี่ ช่วยสามารถลดหวยใต้ดินได้ รวมถึงมีเงินเข้าประเทศปีละกว่า 20,000-30,000 ล้านบาท และเงินที่รัฐจะมาเอาจากสำนักงานสลากฯ 17,000 ล้านบาทนั้น ความจริงคือ จำนวนเงินถึง 38,000 ล้านบาท เพราะอีก 21,000 ล้านบาท เป็นภาษีที่กรมสรรพากรเก็บไปแล้ว ซึ่งในที่สุดก็เข้างบประมาณอยู่ดี ถ้าคิดว่าเป็นภาษีบาป ภาษีเหล้า บุหรี่ เบียร์ก็เป็นภาษีบาปเช่นกัน
นายวรวุฒิ กมลวิทยานนท์ ประธานชมรมสลาก 3 ตัว 2 ตัว เปิดเผยภายหลังการประชุมที่ รร.รัตนโกสินทร์ วานนี้ (29 มิ.ย.) ว่า ทางชมรมได้จัดทำเอกสาร ฟังความจริงของสลากออนไลน์ เพื่อเตรียมเสนอข้อมูลให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กลุ่ม ส.ว.ที่คัดค้าน และคณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ซึ่งคณะกรรมการสลากฯ จะมีการประชุม
ประธานชมรมสลากฯ เชื่อว่า มีผู้ที่ได้ประโยชน์จากการปล่อยให้เกิดความคลุมเครือในข้อมูลสลากออนไลน์ โดยเฉพาะนักการเมืองที่ออกมาสนับสนุนหวยใต้ดินจนออกนอกหน้า ทำตัวเป็นมาเฟียขายลอตเตอรี่เกินราคา ซึ่งชมรมจะตรวจสอบรายละเอียดผู้ถือโควตาลอตเตอรี่ ว่า มีกลุ่มนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยมากน้อยแค่ไหนต่อไป โดยจะให้เวลารัฐบาลให้คำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายเรื่องดังกล่าว ภายในเดือน ก.ค.นี้ หากไม่มีความคืบหน้าใดๆ ออกมา ชมรมจะมีมาตรการที่ยืนยันว่าจะมีผลกระทบต่อรัฐบาลแน่นอน
“เราสงสัยว่า นักการเมืองคงได้รับผลประโยชน์จากการหน่วงเหนี่ยวหวยออนไลน์ไม่ให้เกิดขึ้นมาหลายรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มแกนนำของชมรมได้หามาตรการตอบโต้ไว้แล้ว โดยเราจะต่อต้าน 2 พรรคการเมืองที่อยู่ในฝ่ายรัฐบาลและพรรคร่วมจนถึงที่สุด แม้จะมีการยุบสภาไป หรือเลือกตั้งใหม่ ก็จะต่อต้านตลอดไป คราวนี้ไม่ใช่คำขู่แน่นอน ยืนยันว่า มาตรการตอบโต้ที่จะออกมานั้น จะมีผลกระทบทำให้รัฐบาลอย่าได้หวังเป็นรัฐบาลอีกเลย”
ในหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงในการประชุมชมรม นายวรวุฒิ เปิดเผยว่า มีข้อกล่าวหา 6 เรื่องที่ไม่เป็นความจริง ได้แก่ กรณีที่มองว่าสลากออนไลน์ เข้าถึงง่าย เป็นการมอมเมาประชาชนนั้น ยืนยันว่า สลากออนไลน์นั้นผู้ซื้อกดเลขเองไม่ได้ ต้องมีพนักงานดำเนินการให้ ซึ่งที่ผ่านมาประชาชน 90% ยังเข้าใจผิด และมีบุคคลบางกลุ่มพยายามทำให้เข้าใจเช่นนั้น ซึ่งการออนไลน์นั้น ไม่ได้ทำให้ลูกค้าสะดวกขึ้น เพราะไม่ได้ออนไลน์กับคนซื้อ แต่เป็นการออนไลน์ระหว่างเครื่องของตัวแทนกับสำนักงานสลากฯ เพื่อส่งข้อมูลให้เร็วขึ้น แม่นยำขึ้นเท่านั้น
ส่วนปัญหาเรื่องเด็กนักเรียน นักศึกษาที่จะมาซื้อมากขึ้นนั้น ก็ไม่เป็นความจริง โดยหากมีสลากออนไลน์แล้ว ประชาชนจะซื้อสลากได้ยากขึ้น เพราะมีจุดขายน้อยลง โดยมีจุดขายเพียง 12,000 เครื่องทั่วประเทศ แต่ระยะแรกติดตั้งเพียง 6,000 กว่าเครื่องเท่านั้น เมื่อเทียบกับลอตเตอรี่ และหวยบนดินแบบเดิม อีกทั้งยังถูกจำกัดไว้ว่าต้องห่างจากวัดและสถานศึกษาไม่น้อยกว่า 100 เมตร ทำให้การซื้อยากขึ้น ขณะที่ลอตเตอรี่นั้นมีจุดขายมากกว่า 60,000 แห่ง หรือหวยใต้ดินที่หาซื้อได้ง่ายที่สุด เพราะโทร.สั่งซื้อได้ และเชื่อซื้อได้ด้วย แต่สลากออนไลน์นั้น ต้องจ่ายเงินสดเท่านั้น และขั้นต่ำต้อง 40 บาทขึ้นไป
“นักเรียน นักศึกษานั้น ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่จะขายให้อยู่แล้ว เพราะใครฝ่าฝืนมีโทษและถูกยึดเครื่องคืนด้วย จึงไม่มีใครอยากขายให้ เพราะไม่คุ้ม และที่ผ่านมา กลุ่มนี้ซื้อเพียง 3% เท่านั้น แต่หากมีสลากออนไลน์แล้ว จะทำให้หวยใต้ดินหายไป 70-80% ก็นับว่าน่าพอใจแล้ว และยืนยันว่าแม้จะมีสลากออนไลน์ ก็ไม่กระทบต่ออาชีพของคนขายลอตเตอรี่ ที่มาประท้วงว่าจะทำให้หมดอาชีพ และจะให้ลอตเตอรี่พิมพ์จากตู้ เพราะในช่วงที่มีหวยบนดินแบบเดิม ได้พิสูจน์แล้วว่าลอตเตอรี่ยังขายได้ อีกทั้งยังมีราคาถูกลงเหลือ 80 บาทอีกด้วย”
นายวรวุฒิ กล่าวว่า ถ้าขายลอตเตอรี่ราคาคู่ละ 80 บาท จะได้กำไรงวดละ 8% ปีละ 200% ซึ่งถือว่าไม่เดือดร้อน แต่ปัจจุบันขายกันที่คู่ละ 110 บาท เท่ากับได้กำไรงวดละ 26% หรือปีละ 624% แสดงให้เห็นว่าผู้ค้าลอตเตอรี่ค้าน เพราะกำไรส่วนเกินมหาศาลจะหายไป ทั้งๆ ที่แม้ขายตามราคาปกติ ก็กำไรมากอยู่แล้ว
พ.ร.บ.สำนักงานสลาก มาตรา 5 วงเล็บ 2 ระบุไว้ว่าสำนักงานต้องมีโรงพิมพ์ และโรงพิมพ์ต้องพิมพ์ลอตเตอรี่ ถ้าไม่พิมพ์ถือว่าทำผิด พ.ร.บ.ดังกล่าว ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาลอตเตอรี่มาออกโดยเครื่องออนไลน์ ขณะเดียวกัน หากมีสลากออนไลน์ ไม่ใช่เป็นการนำเอาของผิดกฎหมายมาทำให้ถูกกฎหมาย แต่เป็นการเอาสิ่งที่ถูกกฎหมายมาลดสิ่งที่ผิดกฎหมาย เหมือนกับการมีลอตเตอรี่ ช่วยสามารถลดหวยใต้ดินได้ รวมถึงมีเงินเข้าประเทศปีละกว่า 20,000-30,000 ล้านบาท และเงินที่รัฐจะมาเอาจากสำนักงานสลากฯ 17,000 ล้านบาทนั้น ความจริงคือ จำนวนเงินถึง 38,000 ล้านบาท เพราะอีก 21,000 ล้านบาท เป็นภาษีที่กรมสรรพากรเก็บไปแล้ว ซึ่งในที่สุดก็เข้างบประมาณอยู่ดี ถ้าคิดว่าเป็นภาษีบาป ภาษีเหล้า บุหรี่ เบียร์ก็เป็นภาษีบาปเช่นกัน