ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- นักพนันที่เคยข้ามเข้าไปเสี่ยงโชคที่โรงแรมกาสิโนใหญ่ บริเวณด่านโอสะมัก (O Smach) ชายแดน จ.อุดรมีชัย กับ จ.สุรินทร์ ของไทย เริ่มหายหน้าไป นับตั้งแต่ความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา เริ่มเสื่อมทรามลงในหลายวันที่ผ่านมา หลังจากนายกฯ กัมพูชาฮุนเซน ประกาศให้นักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้าประเทศ และ สองฝ่ายเรียกทูตกลับประเทศเป็นการโต้ตอบกัน
ปกติจะมีนักเสี่ยงโชคจากประเทศไทยข้ามแดนเข้าไปเสี่ยงโชค ทางช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ วันละ 300-400 ราย เมื่อวันจันทร์-วันอังคาร จำนวนได้ลดลงเหลือไม่ถึง 1 ใน 3 หนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชา (Rasmei Kampuchea) รายงานเรื่องนี้โดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ตำรวจชายแดน
เจ้าหน้าที่คนเดียวกัน เปิดเผยอีกว่า แม้นักพนันจะลดลงอย่างมากก็ตาม แต่ราษฎรในท้องถิ่นของสองประเทศ ยังคงข้ามแดนไปซื้อขายสินค้าที่ตลาดใกล้ช่องจอมอย่างเป็นปกติ
ตามแนวชายแดนกัมพูชาไทยตั้งแต่ด้าน จ.สุรินทร์ ไปจนถึง จ.ตราด มีสถานกาสิโนรวมกันประมาณ 30 แห่ง องค์การสิทธิมนุษยชนตะวันตก รายงานว่า สถานพนันเหล่านี้ เป็นทั้งแหล่งฟอกเงินของอาชญากร และยังเป็นแหล่งรายได้เข้ากระเป๋าของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ตั้งแต่ในระดับท้องถิ่นจนถึงระดับรัฐบาลในกรุงพนมเปญ
ตามตัวเลขที่ไม่เป็นทางการในแต่ละปีจะมีนักพนันจากไทย นำเงินไปใช้จ่ายตามแหล่งพนันในกัมพูชาปีละประมาณ 35,000 ล้านบาท (1,000 ล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นประมาณครึ่งหนึ่งงบประมาณประจำปี 2553 ของรัฐบาลฮุนเซน
องค์กรสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า หากมีการจัดเก็บภาษีตามระบบ รัฐบาลกัมพูชาควรจะเก็บเงิน “ภาษีบาป” เป็นรายได้เข้าคลังหลวงได้มากกว่านี้ แต่ในทางเป็นจริงปรากฏว่าเงินได้รั่วไหลออกนอกระบบไปเข้ากระเป๋าบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูง
ตามตัวเลขของกระทรวงเศรษฐกิจและการเงิน ในช่วงหลายปีมานี้รัฐบาลเก็บภาษี จากแหล่งการพนันทั่วประเทศได้ปีละประมาณ 20 ล้านดอลลาร์เท่านั้น รวมทั้งสถานกาสิโนใหญ่ในกรุงพนมเปญ กับอีกหลายแห่งที่ชายแดนกัมพูชา-เวียดนามด้วย