สมาคมวิชาชีพ สธ.จวก “วิทยา” พูดอย่างทำอย่าง โกหกหมออนามัยทั่วประเทศ ตัวต้นเหตุสภาฯ ไม่หยิบร่าง พ.ร.บ.วิชาชีพสาธารณสุขมาพิจารณาในสมัยที่ผ่านมา อ้างสภาวิชาชีพแพทย์-พยาบาล ให้ความเห็นยังไม่มีความจำเป็น ระดมพลบุก สธ.18 ม.ค.53 จี้ขอโทษและชี้แจงความจริง พร้อมล่ารายชื่อเสนอร่างกฎหมายภาคประชาชน
นายไพศาล บางชวด นายกสมาคมวิชาชีพสาธารณสุข (สวส.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบของสมาคมฯ ถึงเหตุผลที่สภาผู้แทนราษฎรไม่ได้หยิบยกร่าง พ.ร.บ.วิชาชีพสาธารณสุข พ.ศ.... ขึ้นมาพิจารณาในสมัยประชุมที่ผ่านมาพบว่า เป็นผลจากการที่นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด ที่ สธ 0205.05.1/4375 เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งเป็นการตอบข้อหารือของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้หารือมายังกระทรวงสาธารณสุข โดยในหนังสือที่นายวิทยามีการลงนามระบุว่า สธ.ได้รับแจ้งจากสภาวิชาชีพ ได้แก่ แพทยสภา ทันตแพทยสภา สภาการพยาบาล สภาเภสัชกรรม สภากายภาพบำบัด และสภาเทคนิคการแพทย์ แจ้งให้ทราบว่าสภาวิชาชีพทั้งหมดเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นที่ต้องมีร่าง พ.ร.บ.นี้และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้เคยพิจารณาและมีมติไม่รับหลักการ จึงทำให้ร่างกฎหมายนี้ตกไป
นายไพศาลกล่าวต่อว่า ในหนังสือฉบับนี้ระบุต่อไปด้วยว่า ที่ผ่านมาสมาคมหมออนามัย สมาคมวิชาชีพสาธารณสุขแห่งประเทศไทย ชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย ร่วมกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล ได้เคยเสนอร่างกฎหมายนี้มาแล้ว แต่ที่ผ่านมาหน่วยงานดังกล่าวไม่มีการจัดทำการวิเคราะห์เนื้อหา รายละเอียดในการนำเสนอความจำเป็นในการตรากฎหมาย ดังนั้น หากประสงค์จะเสนอร่างกฎหมายสมควรดำเนินการประสานหาข้อยุติในเรื่องความเห็นที่มีต่อร่างกฎหมายนี้ก่อนรวมทั้งต้องมีการวิเคราะห์ร่างกฎหมายและความจำเป็นในการตรากฎหมาย
“การที่นายวิทยาลงนามตอบประธานรัฐสภาไปในลักษณะเช่นนี้ทำให้สมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมา ไม่ได้หยิบยกประเด็นเรื่องร่าง พ.ร.บ.วิชชาชีพสาธารณสุขขึ้นมาพิจาณาเท่ากับนายวิทยา โกหกหมออนามัยและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศเพราะปากบอกว่าไม่ขัดขวางการมี พ.ร.บ.ฉบับนี้แต่การกระทำกลับสวนทางกัน การที่ผู้บริหารระดับสูงกระทำเช่นนี้ไม่เข้าใจว่า กำลังทำอะไรกับคนปฏิบัติงานข้างล่างที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานอยู่ ดังนั้น รมว.สาธารณสุข ต้องแก้ไขเรื่องนี้โดยทันที และออกมาขอโทษและชี้แจงให้หมออนามัยทั้งประเทศเข้าใจว่า ทำไมถึงต้องกระทำเช่นนั้น” นายไพศาลกล่าว
นายไพศาลกล่าวด้วยว่า ในวันที่ 18 มกราคม 2553 เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศจะเดินทางมายังกระทรวงสาธารณสุขเพื่อทวงถามถึงเหตุผลและนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร โดยจะเน้น ใน 2 ประเด็นหลักคือ 1.นโยบายของสธ.ต้องการให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมีวิชาชีพหรือไม่ 2.ถ้าเจ้าหน้าที่มีวิชาชีพทางกระทรวงจะเดือดร้อนอย่างไร
นายไพศาลกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการล่ารายชื่อประชาชนให้ได้ประมาณ 2 หมื่นรายชื่อ เพื่อยื่นเสนอร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในนามของภาคประชาชน แม้ว่าในการประชุมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอทั่วประเทศกว่า 800 คน ที่พัทยา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 18-19 ธันวาคมที่ผ่านมา รมว.สธ.ได้รับปากจะเร่งดำเนินการเรื่องนี้ และ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.จะรับเรื่องนี้มาดูแลด้วยตนเอง
นายไพศาล บางชวด นายกสมาคมวิชาชีพสาธารณสุข (สวส.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบของสมาคมฯ ถึงเหตุผลที่สภาผู้แทนราษฎรไม่ได้หยิบยกร่าง พ.ร.บ.วิชาชีพสาธารณสุข พ.ศ.... ขึ้นมาพิจารณาในสมัยประชุมที่ผ่านมาพบว่า เป็นผลจากการที่นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด ที่ สธ 0205.05.1/4375 เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งเป็นการตอบข้อหารือของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้หารือมายังกระทรวงสาธารณสุข โดยในหนังสือที่นายวิทยามีการลงนามระบุว่า สธ.ได้รับแจ้งจากสภาวิชาชีพ ได้แก่ แพทยสภา ทันตแพทยสภา สภาการพยาบาล สภาเภสัชกรรม สภากายภาพบำบัด และสภาเทคนิคการแพทย์ แจ้งให้ทราบว่าสภาวิชาชีพทั้งหมดเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นที่ต้องมีร่าง พ.ร.บ.นี้และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้เคยพิจารณาและมีมติไม่รับหลักการ จึงทำให้ร่างกฎหมายนี้ตกไป
นายไพศาลกล่าวต่อว่า ในหนังสือฉบับนี้ระบุต่อไปด้วยว่า ที่ผ่านมาสมาคมหมออนามัย สมาคมวิชาชีพสาธารณสุขแห่งประเทศไทย ชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย ร่วมกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล ได้เคยเสนอร่างกฎหมายนี้มาแล้ว แต่ที่ผ่านมาหน่วยงานดังกล่าวไม่มีการจัดทำการวิเคราะห์เนื้อหา รายละเอียดในการนำเสนอความจำเป็นในการตรากฎหมาย ดังนั้น หากประสงค์จะเสนอร่างกฎหมายสมควรดำเนินการประสานหาข้อยุติในเรื่องความเห็นที่มีต่อร่างกฎหมายนี้ก่อนรวมทั้งต้องมีการวิเคราะห์ร่างกฎหมายและความจำเป็นในการตรากฎหมาย
“การที่นายวิทยาลงนามตอบประธานรัฐสภาไปในลักษณะเช่นนี้ทำให้สมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมา ไม่ได้หยิบยกประเด็นเรื่องร่าง พ.ร.บ.วิชชาชีพสาธารณสุขขึ้นมาพิจาณาเท่ากับนายวิทยา โกหกหมออนามัยและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศเพราะปากบอกว่าไม่ขัดขวางการมี พ.ร.บ.ฉบับนี้แต่การกระทำกลับสวนทางกัน การที่ผู้บริหารระดับสูงกระทำเช่นนี้ไม่เข้าใจว่า กำลังทำอะไรกับคนปฏิบัติงานข้างล่างที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานอยู่ ดังนั้น รมว.สาธารณสุข ต้องแก้ไขเรื่องนี้โดยทันที และออกมาขอโทษและชี้แจงให้หมออนามัยทั้งประเทศเข้าใจว่า ทำไมถึงต้องกระทำเช่นนั้น” นายไพศาลกล่าว
นายไพศาลกล่าวด้วยว่า ในวันที่ 18 มกราคม 2553 เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศจะเดินทางมายังกระทรวงสาธารณสุขเพื่อทวงถามถึงเหตุผลและนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร โดยจะเน้น ใน 2 ประเด็นหลักคือ 1.นโยบายของสธ.ต้องการให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมีวิชาชีพหรือไม่ 2.ถ้าเจ้าหน้าที่มีวิชาชีพทางกระทรวงจะเดือดร้อนอย่างไร
นายไพศาลกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการล่ารายชื่อประชาชนให้ได้ประมาณ 2 หมื่นรายชื่อ เพื่อยื่นเสนอร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในนามของภาคประชาชน แม้ว่าในการประชุมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอทั่วประเทศกว่า 800 คน ที่พัทยา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 18-19 ธันวาคมที่ผ่านมา รมว.สธ.ได้รับปากจะเร่งดำเนินการเรื่องนี้ และ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.จะรับเรื่องนี้มาดูแลด้วยตนเอง