สมาคมวิชาชีพฯ อัด สธ.มีเจตนากดขี่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อยู่อย่างไร้วิชาชีพตลอดชาติ หลัง สธ.จะไม่เสนอร่าง พ.ร.บ.วิชาชีพสาธารณสุขอีก อ้างกฎหมายเคยโดน สนช.ตีตกมาแล้ว สับเป็นการมั่วข้อมูล-เมินรัฐธรรมนูญ ขู่ระดมหมออนามัยทั่วประเทศบุก สธ.ทวงสิทธิ์
วันนี้ (26 พ.ย.) นายไพศาล บางชวด นายกสมาคมวิชาชีพสาธารณสุข กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา นพ.เสรี หงส์หยก รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามในบันทึกข้อความเสนอต่อ นายวิทยา แก้ว ภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) เพื่อพิจารณาลงนามตอบข้อหารือของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่มีหนังสือมายัง สธ.เร่งรัดผลการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.วิชาชีพสาธารณสุข และร่าง พ.ร.บ.การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคแห่งชาติ และขอทราบเพิ่มเติมว่า สธ.มีนโยบายในการยกร่างพ.ร.บ.ทำนองเดียวกันนี้หรือไม่ อย่างไร
โดย สธ.ให้ความเห็นว่า ร่าง พ.ร.บ.วิชาชีพสาธารณสุขได้เคยนำเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มาแล้ว และสภามีมติไม่รับหลักการร่างกฎหมายฉบับนี้จึงตกไป และในกรณีเช่นนี้ สธ.จะไม่เสนอร่างกฎหมายนี้อีก และสภาวิชาชีพต่างๆ คือ แพทยสภา, ทันตแพทยสภา, สภาการพยาบาล, สภาเภสัชกรรม, สภากายภาพบำบัด และสภาเทคนิคการแพทย์ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.นี้
นายไพศาล กล่าวต่อว่า สธ.ใช้เวลาในการพิจารณาถึง 2 เดือนหลังจากได้รับหนังสือจากสำนักนายกรัฐมนตรี แต่สุดท้ายก็สรุปโดยเป็นการมั่วข้อมูล ไม่ได้ศึกษารายละเอียดของร่างพ.ร.บ.วิชาชีพสาธารณสุขให้เข้าใจว่า แม้ชื่อร่าง พ.ร.บ.จะเหมือนกับร่างที่เคยเสนอในสมัยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แต่เนื้อหาสาระแตกต่างกัน โดยร่างเดิมมีการพูดถึงค่าตอบแทนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ สำหรับร่างใหม่นี้เป็นเรื่องของคุณภาพวิชาชีพสาธารณสุขล้วนๆ โดยเจตนาต้องการให้ผู้ที่จะประกอบวิชาชีพสาธารณสุขได้ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเหมือนวิชาชีพอื่น เพื่อเป็นการคุ้มครองประชาชนให้ได้รับบริการจากผู้ประกอบวิชาชีพที่มีมาตรฐาน จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ
“ร่าง พ.ร.บ.นี้คงเข้าสู่การพิจารณาของสภาไม่ทันในสมัยประชุมนี้แล้ว แต่การที่ สธ.ให้ความเห็นว่าจะไม่เสนอร่าง พ.ร.บ.ในลักษณะนี้อีก เท่ากับมีเจตนาที่จะกดขี่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในสถานีอนามัยและช่วย สธ.มากว่า 90 ปี ไม่ให้มีวิชาชีพรองรับตลอดชาติ ประชาชนจำนวนมากต้องเอาชีวิตไปฝากกับคนที่ไม่มีวิชาชีพ ที่สำคัญ เป็นการเมินเฉยต่อรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 80(2) ที่ให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขจากผู้ให้บริการที่มีมาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม และไม่สนใจต่อนโยบายของรัฐบาลที่จะยกระดับสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เพราะในการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่แค่การเปลี่ยนป้ายชื่อ แต่ต้องทำให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานมีคุณภาพและมาตรฐานตามวิชาชีพด้วย ซึ่งในเร็วๆนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศจะเดินทางมายังกระทรวงฯ เพื่อทวงสิทธิ์อันชอบธรรมที่ควรจะได้ในการมีวิชาชีพรองรับ” นายกสมาคมวิชาชีพสาธารณสุข กล่าว
ทั้งนี้ สมาคมวิชาชีพสาธารณสุขและเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) กว่า 8 พันคนได้ยื่นเสนอร่าง พ.ร.บ.นี้ให้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐนตรีโดยตรงเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมานี้ ที่รัฐสภา และมีหนังสือทวงถามความคืบหน้าในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ไปยังนายกฯ อีกครั้งเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ก่อนที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจะมีหนังสือถามความเห็นมายัง สธ.