“จุรินทร์” สั่งสำนักปลัด ศธ.จัดทำหลักสูตรสำหรับนักบริหาร เผยต่อไปก่อนเข้าสู่ตำแหน่ง ผอ.สพท., รอง ผอ.สพท., ผอ.โรงเรียน, รอง ผอ.โรงเรียน, ศึกษานิเทศก์ ต้องผ่านหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงก่อน เพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกัน เพราะปัจจุบันระบบยังลักลั่น บางองค์กรต้องผ่านหลักสูตร ขณะที่บางองค์กรไม่ต้องผ่าน
วันนี้ (21 ธ.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหาร 5 องค์กรหลักว่า สืบเนื่องจากการที่ตนได้มอบหมายเป็นนโยบายให้การอบรมพัฒนาครู บุคลากรทางการศึกษา และข้าราชการพลเรือนทางการศึกษา มีคุณภาพมาตรฐานและมีความเป็นเอกภาพในทิศทางเดียวกัน การประชุมได้ข้อสรุปในหลักการเบื้องต้นว่า จากนี้ไปสำนักงานปลัด (สป.) กระทรวงศึกษาธิการ จะไปจัดทำรายละเอียดกลับมาเสนอให้ตนได้พิจารณาใน 2 สัปดาห์ สำหรับนโยบายที่มอบ คือ 1.ขอให้ไปทำหลักสูตรนักบริหารสถานศึกษาระดับสูง โดยสามารถเทียบเคียงได้กับ หลักสูตรนักบริหารระดับสูง (นบส.) ของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) 2. การเข้าสู่ตำแหน่งจะต้องมีหลักสูตรที่มีความเป็นมาตรฐานและมีคุณภาพ และมีความเป็นเอกภาพทั้งระบบ ทั้งนี้ มอบให้สำนักงานปลัด ศธ.จะไปทำหลักสูตรการเข้าสู่ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่ ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ โดยให้ไปพิจารณาการเข้าสู่ตำแหน่งผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการ สำนักของการข้าราชการพลเรือนด้านการศึกษา จำเป็นต้องมีหลักสูตรการอบรมเฉพาะขึ้นมาหรือไม่ เพราะยังมีความลักลั่นกันอยู่ระหว่างองค์กร โดยบางองค์กรมี บางองค์กรไม่มี
3.ให้จัดทำหลักสูตรและกฎเกณฑ์ เพื่อเลื่อนวิทยฐานะ ว่าจะจัดหลักสูตรในระดับไหน เช่น ระดับเชี่ยวชาญพิเศษ เชี่ยวชาญ เป็นต้น 4.ให้ดูหลักสูตรอบรมพัฒนา เพื่อต่อใบอนุญาตวิชาชีพ และ 5.จัดทำหลักสูตรการอบรมพัฒนาตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งหลักสูตรการอบรมพัฒนาทั่วไป เช่น หลักสูตรอบรมสถานศึกษา 3 ดี เป็นต้น
“การเข้าสู่ตำแหน่ง ผอ.สพท., รอง ผอ.สพท. ,ผอ.โรงเรียน ,รอง ผอ.โรงเรียน และเข้าสู่ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ จะต้องผ่านหลักสูตรเหล่านี้ โดยจะต้องไปดูด้วยว่าจะต้องแก้กฎระเบียบอย่างไรหรือไม่ เพราะการเข้าสู่ตำแหน่ง ดังกล่าวเกิดจากกฎของคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เป็นผู้กำหนด หากต้องมีการปรับอะไรต้องไปปรับที่ ก.ค.ศ.ด้วย ตนมอบการบ้านให้ สำนักงานปลัด ศธ. ไปดำเนินการ แล้วกลับมารายงานภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อที่จะได้เดินหน้าในต้นปีหน้า”
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า จะใช้สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา (สคบศ.) เป็นองค์กรหลักในการพัฒนาครู บุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งข้าราชการพลเรือนด้านการศึกษา ให้ได้มาตรฐานต่อไป
วันนี้ (21 ธ.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหาร 5 องค์กรหลักว่า สืบเนื่องจากการที่ตนได้มอบหมายเป็นนโยบายให้การอบรมพัฒนาครู บุคลากรทางการศึกษา และข้าราชการพลเรือนทางการศึกษา มีคุณภาพมาตรฐานและมีความเป็นเอกภาพในทิศทางเดียวกัน การประชุมได้ข้อสรุปในหลักการเบื้องต้นว่า จากนี้ไปสำนักงานปลัด (สป.) กระทรวงศึกษาธิการ จะไปจัดทำรายละเอียดกลับมาเสนอให้ตนได้พิจารณาใน 2 สัปดาห์ สำหรับนโยบายที่มอบ คือ 1.ขอให้ไปทำหลักสูตรนักบริหารสถานศึกษาระดับสูง โดยสามารถเทียบเคียงได้กับ หลักสูตรนักบริหารระดับสูง (นบส.) ของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) 2. การเข้าสู่ตำแหน่งจะต้องมีหลักสูตรที่มีความเป็นมาตรฐานและมีคุณภาพ และมีความเป็นเอกภาพทั้งระบบ ทั้งนี้ มอบให้สำนักงานปลัด ศธ.จะไปทำหลักสูตรการเข้าสู่ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่ ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ โดยให้ไปพิจารณาการเข้าสู่ตำแหน่งผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการ สำนักของการข้าราชการพลเรือนด้านการศึกษา จำเป็นต้องมีหลักสูตรการอบรมเฉพาะขึ้นมาหรือไม่ เพราะยังมีความลักลั่นกันอยู่ระหว่างองค์กร โดยบางองค์กรมี บางองค์กรไม่มี
3.ให้จัดทำหลักสูตรและกฎเกณฑ์ เพื่อเลื่อนวิทยฐานะ ว่าจะจัดหลักสูตรในระดับไหน เช่น ระดับเชี่ยวชาญพิเศษ เชี่ยวชาญ เป็นต้น 4.ให้ดูหลักสูตรอบรมพัฒนา เพื่อต่อใบอนุญาตวิชาชีพ และ 5.จัดทำหลักสูตรการอบรมพัฒนาตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งหลักสูตรการอบรมพัฒนาทั่วไป เช่น หลักสูตรอบรมสถานศึกษา 3 ดี เป็นต้น
“การเข้าสู่ตำแหน่ง ผอ.สพท., รอง ผอ.สพท. ,ผอ.โรงเรียน ,รอง ผอ.โรงเรียน และเข้าสู่ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ จะต้องผ่านหลักสูตรเหล่านี้ โดยจะต้องไปดูด้วยว่าจะต้องแก้กฎระเบียบอย่างไรหรือไม่ เพราะการเข้าสู่ตำแหน่ง ดังกล่าวเกิดจากกฎของคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เป็นผู้กำหนด หากต้องมีการปรับอะไรต้องไปปรับที่ ก.ค.ศ.ด้วย ตนมอบการบ้านให้ สำนักงานปลัด ศธ. ไปดำเนินการ แล้วกลับมารายงานภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อที่จะได้เดินหน้าในต้นปีหน้า”
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า จะใช้สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา (สคบศ.) เป็นองค์กรหลักในการพัฒนาครู บุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งข้าราชการพลเรือนด้านการศึกษา ให้ได้มาตรฐานต่อไป
