สธ.เร่งศึกษาการจ่ายค่าตอบแทนบุคลากรทั้งระบบ ทั้ง ขรก.ลูกจ้างประจำ และชั่วคราว เตรียมปรับระบบใหม่ ให้เกิดความเป็นธรรม เหมาะสมกับภาระงาน หน้าที่ และความเสี่ยง โดยให้ สวรส.ศึกษาข้อมูล คาด 3 เดือนทราบผล
จากกรณีแกนนำกลุ่มภาคีลูกจ้างชั่วคราวของรัฐแห่งประเทศไทย และสมาคมลูกจ้างชั่วคราวสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เรียกร้องความเป็นธรรมจากรัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข ให้ทบทวนการจ่ายค่าตอบแทนแบบเหมาจ่าย โดยให้จ่ายแก่บุคลากรที่มีตำแหน่งลูกจ้างประจำและชั่วคราวที่มีตำแหน่งพนักงานช่วยเหลือคนไข้ พนักงานทำความสะอาดและลูกจ้างกลุ่มอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สายงานราชการด้วย และให้จ่ายค่าเสี่ยงภัยแก่ลูกจ้างประจำและชั่วคราวที่ทำงานในโรงพยาบาลรัฐในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา เนื่องจากลูกจ้างก็ทำงานหนักและเสี่ยงภัยเช่นกัน นั้น
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขและผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้เร่งดำเนินการทบทวนการจ่ายเงินค่าตอบแทนบุคลากรทั้งระบบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่บุคลากรในสังกัดทุกประเภท ทั้งข้าราชการที่ปฏิบัติงานในส่วนกลางและภูมิภาคทุกสาขาอาชีพ กลุ่มลูกจ้างชั่วคราว และลูกจ้างประจำ เพื่อปรับการจ่ายค่าตอบแทนใหม่ให้เหมาะสมกับภาระงาน ลักษณะงานที่ปฏิบัติ และปริมาณงาน รวมทั้งพื้นที่พิเศษ เช่น พื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร หรือพื้นที่เสี่ยงภัย เช่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีความแตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ กระทรวงสาธารณสุขได้มอบให้สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ศึกษาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกระทรวงสาธารณสุข ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนจะทราบผล
นพ.สุพรรณ กล่าวว่า สำหรับข้อเรียกร้องที่ทางกลุ่มลูกจ้างชั่วคราวเสนอมานั้น เป็นเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขกับกลุ่มตัวแทนลูกจ้างชั่วคราวได้ร่วมมือกันวางแนวทางแก้ไขมาโดยตลอด ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ขอเวลาในการทำงานเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ เหมาะสม และความเป็นธรรมที่สุด โดยจะนำมาตรการที่ได้นี้ไปพิจารณาร่วมกับผลการศึกษาของ สวรส. ซึ่งจะศึกษาองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับค่าตอบแทน เช่น ลักษณะงาน ความยากง่าย ปริมาณงาน อายุการทำงาน และความสามารถในการจ่ายเงินของโรงพยาบาล รวมทั้งพื้นที่ในการทำงานด้วย
สำหรับค่าเสี่ยงภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งกลุ่มลูกจ้างชั่วคราวยังไม่ได้รับเงินส่วนนี้ กระทรวงสาธารณสุข อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการพิจารณาหลักเกณฑ์ของลูกจ้างชั่วคราวที่จะมีสิทธิ์ได้รับเงินในส่วนนี้ ร่วมกับ ศอ.บต. ซึ่งเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบพื้นที่โดยตรง และกรมบัญชีกลาง
จากกรณีแกนนำกลุ่มภาคีลูกจ้างชั่วคราวของรัฐแห่งประเทศไทย และสมาคมลูกจ้างชั่วคราวสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เรียกร้องความเป็นธรรมจากรัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข ให้ทบทวนการจ่ายค่าตอบแทนแบบเหมาจ่าย โดยให้จ่ายแก่บุคลากรที่มีตำแหน่งลูกจ้างประจำและชั่วคราวที่มีตำแหน่งพนักงานช่วยเหลือคนไข้ พนักงานทำความสะอาดและลูกจ้างกลุ่มอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สายงานราชการด้วย และให้จ่ายค่าเสี่ยงภัยแก่ลูกจ้างประจำและชั่วคราวที่ทำงานในโรงพยาบาลรัฐในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา เนื่องจากลูกจ้างก็ทำงานหนักและเสี่ยงภัยเช่นกัน นั้น
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขและผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้เร่งดำเนินการทบทวนการจ่ายเงินค่าตอบแทนบุคลากรทั้งระบบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่บุคลากรในสังกัดทุกประเภท ทั้งข้าราชการที่ปฏิบัติงานในส่วนกลางและภูมิภาคทุกสาขาอาชีพ กลุ่มลูกจ้างชั่วคราว และลูกจ้างประจำ เพื่อปรับการจ่ายค่าตอบแทนใหม่ให้เหมาะสมกับภาระงาน ลักษณะงานที่ปฏิบัติ และปริมาณงาน รวมทั้งพื้นที่พิเศษ เช่น พื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร หรือพื้นที่เสี่ยงภัย เช่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีความแตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ กระทรวงสาธารณสุขได้มอบให้สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ศึกษาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกระทรวงสาธารณสุข ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนจะทราบผล
นพ.สุพรรณ กล่าวว่า สำหรับข้อเรียกร้องที่ทางกลุ่มลูกจ้างชั่วคราวเสนอมานั้น เป็นเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขกับกลุ่มตัวแทนลูกจ้างชั่วคราวได้ร่วมมือกันวางแนวทางแก้ไขมาโดยตลอด ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ขอเวลาในการทำงานเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ เหมาะสม และความเป็นธรรมที่สุด โดยจะนำมาตรการที่ได้นี้ไปพิจารณาร่วมกับผลการศึกษาของ สวรส. ซึ่งจะศึกษาองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับค่าตอบแทน เช่น ลักษณะงาน ความยากง่าย ปริมาณงาน อายุการทำงาน และความสามารถในการจ่ายเงินของโรงพยาบาล รวมทั้งพื้นที่ในการทำงานด้วย
สำหรับค่าเสี่ยงภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งกลุ่มลูกจ้างชั่วคราวยังไม่ได้รับเงินส่วนนี้ กระทรวงสาธารณสุข อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการพิจารณาหลักเกณฑ์ของลูกจ้างชั่วคราวที่จะมีสิทธิ์ได้รับเงินในส่วนนี้ ร่วมกับ ศอ.บต. ซึ่งเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบพื้นที่โดยตรง และกรมบัญชีกลาง
