สาธารณสุขเตือนภัยประชาชนในพื้นที่หนาวเย็นที่ชอบอ่านหนังสือกลางแดด โดยเฉพาะนักเรียน หรือนั่งผิงกองไฟ เพื่อคลายหนาว เสี่ยงเป็นโรคตาแห้งจากการถูกความร้อนเผาผนวกกับสภาพอากาศแห้งอยู่เดิม ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ต้องระวังเป็นพิเศษ แนะหากจำเป็นต้องอ่านหนังสือกลางแดด ควรนั่งหันหลังให้แสงอาทิตย์ หรือใส่หมวกแก๊ปบังความร้อน และกินผักผลไม้เพิ่มวิตามินเอบำรุงสายตา ดื่มน้ำมากๆอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
นายแพทย์ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ประจำโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะในภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อากาศมักจะหนาวเย็นกว่าภาคอื่น ในตอนเช้า ประชาชนมักนิยมนั่งผิงไฟ ส่วนในโรงเรียน ครูมักจะให้เด็กนักเรียนย้ายมาเรียนหนังสือกลางแดด เพื่อสร้างความอบอุ่นร่างกาย
ทั้ง 2 วิธีการนี้จะต้องระมัดระวัง เพราะอาจส่งผลเสียกับตา ที่พบได้บ่อย คือ โรคเยื่อบุตาขาวแห้ง หรือที่เรียกกันว่าโรคตาแห้ง ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องมาจากน้ำตาที่เลี้ยงเยื่อบุตาขาว ระเหยมากเกินไปจากการถูกความร้อนทั้งจากแสงแดดและเปลวไฟ เป็นเวลานาน ทำให้ปริมาณน้ำตาให้ความชุ่มชื่นกับดวงตา เคลือบกระจกตาดำไม่พอ ผู้ที่จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษคือผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ เพราะตาจะแห้งง่ายกว่าคนที่ไม่ใส่ หรือผู้ที่เป็นโรคตาแห้งอยู่แล้ว เมื่ออยู่ในที่มีอากาศแห้ง โดนลมร้อนๆ หรือมีเขม่าควัน อาการจะเป็นหนักขึ้น
นายแพทย์ฐานปนวงศ์ กล่าวต่อว่า โรคตาแห้งแม้จะเป็นโรคที่ไม่มีอันตรายมากนัก แต่เป็นโรคที่สร้างความรำคาญในการชีวิตประจำวัน เช่น อาการคัน และระคายเคืองนัยน์ตา ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนกับว่ามีทรายเม็ดเล็กๆอยู่ในตาตลอด โดยปกติจะเกิดขึ้นกับดวงตาทั้งสองข้าง อยากจะลืมตาก็ลืมไม่ขึ้น บางรายอาจมีอาการแสบเคืองตา น้ำตาไหลไม่หยุด
นายแพทย์ฐาปนวงศ์ กล่าวต่อว่า ในการป้องกันโรคตาแห้งในช่วงฤดูหนาว หากจำเป็นต้องนั่งอ่านหรือเรียนหนังสือกลางแดด จะต้องนั่งให้ถูกวิธี โดยไม่ควรนั่งกลางแดดจ้า หรือนั่งหันหน้าไปทางแสงแดด ควรนั่งหันหลังให้แสงแดด หรือในทิศทางที่ตามแสงในขณะแดดจ้า หากจำเป็นต้องนั่งกลางแดด ควรให้นักเรียนใส่หมวกแก๊ป เพื่อปิดบังแสงเข้าตา และควรพักสายตาเป็นระยะๆ เช่น มองไปยังต้นไม้ สนามหญ้า เพราะสีเขียวจะช่วยให้รู้สึกสบายตาขึ้น
นอกจากนี้ ควรเพิ่มการรับประทานอาหารที่มีวิตามินเอมากๆ เพื่อบำรุงสายตาอย่างผักสีเหลืองเช่น ฟักทอง แครอต และผักใบเขียว เช่น ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง ผักตำลึง ให้มากขึ้น ซึ่งประโยชน์ของวิตามินเอ จะทำหน้าที่สำคัญ คือ การนำไปใช้สร้างเม็ดสีช่วยการมองเห็นภาพในที่มืด โดยเฉพาะบริเวณจอรับภาพในตา และดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ วันละอย่างน้อย 8 แก้ว