"หมอศุภชัย" ปลื้ม ไทม์ จัดอันดับโครงการวิจัยวัคซีนเอดส์ไทย ติดท็อปไฟว์ ของโลก เผย เตรียมศึกษาวิจัยต่อยอดอีก 2 โครงการย่อย ตรวจเลือดอาสาสมัครติเชื้อ หากความแตกต่างภูมิคุ้มกัน-เพิ่มประสิทธิภาพวัคซีน กระตุ้นภูมิคงที่ได้นาน 5 ปี
นพ.ศุภชัย ฤกษ์งาม ผู้อำนวยการโครงการศึกษาวัคซีนเอดส์ทดลองระยะที่ 3 ซึ่งผลการทลองวัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ 31.2% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้คือไม่น้อยกว่า 50% กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการทดลองฯ ว่า ขณะนี้ถือว่าโครงการทดลองฯ ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ 100% โดยจะต้องมีการศึกษาวิจัยต่อยอดเพิ่มอีก 2 โครงการย่อย คือ 1.ทดสอบหาความแตกต่างของภูมิคุ้มกันของกลุ่มอาสาสมัครที่ติดเชื้อเอชไอวีที่มีจำนวน 125 คน(ที่ทั้งได้รับวัคซีนจริงและสร้างเลียนแบบ) ว่ามีความแตกต่างที่เป็นผลจากวัคซีน โดยตรวจสอบจากตัวอย่างเลือดของอาสาสมัครที่ได้เจาะเก็บไว้ ซึ่งได้ตั้งคณะทำงานย่อย 4 กลุ่ม เพื่อตรวจสอบด้านต่างๆ ประกอบด้วย 1.ตรวจภูมิคุ้มกันจากเซลล์เม็ดเลือด 2.ตรวจจากน้ำเหลือง 3.ตรวจจากพันธุกรรม และ4.ตรวจสอบย้อนกลับไปในการทดลองในสัตว์ทดลอง โดยอยู่ระหว่างการร่างโครงงานวิจัย คาดว่าจะเริ่มทดลองได้ภายในกลางปีหน้า ใช้เวลาศึกษานาน 6 เดือนจึงจะแล้วเสร็จ
นพ.ศุภชัย กล่าวว่า 2.โครงการวิจัยเพิ่มประสิทธิภาพวัคซีนชนิดเดิมให้สามารถเพิ่มคุ้มกันให้ได้มากกว่า 31.2% ซึ่งจะเป็นการวิจัยวัคซีนชนิดกระตุ้นภูมิ ให้วัคซีนสามารถมีฤทธิ์อยู่ได้นานมากขึ้น เพราะจากผลการทดลองครั้งแรก พบว่า หลังจากฉีดวัคซีนให้อาสาสมัครสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันได้มากถึง 60% แต่หลังจากนั้น 3 ปี ภูมิคุ้มกันลดลงเหลือเพียง 31.2% จึงตั้งสมมติฐานว่า ทำอย่างไรให้วัคซีนมีฤทธิ์อยู่ได้นาน 5 ปี จึงจะมาฉีดวัคซีนกระตุ้มภูมิซ้ำ เหมือนกันวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักที่ต้องฉีดวัคซีนกระตุ้มภูมิทุก 5 ปี ทั้งนี้ โครงการทั้งหมดอยู่ระหว่างการเสนอร่างโครงการวิจัยให้กับผู้สนับสนุนงบประมาณ
“การวิจัยย่อยทั้ง 2 โครงการ เป็นการหาพิสูจน์หาคำตอบที่นักวิจัยยังสงสัยอยู่เท่านั้น ไม่ได้เป็นการวิจัยเพื่อให้วัคซีนชนิดนี้สามารถนำไปจดทะเบียนเพื่อนำมาใช้ได้จริง แต่ก็มีความสำคัญอย่างมาก เพราะขณะนี้การวิจัยวัคซีนทั่วโลกได้หันหางเสือเปลี่ยนมาเป็นการวิจัยวัคซีนเอดส์แบบปูพื้น-กระตุ้นภูมิ เหมือนของไทยแล้ว เพราะมีความเป็นไปได้มากว่าวัคซีนตัวเดียว ซึ่งถือเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ครั้งแรกของโลกหลังจากเริ่มศึกษามานาน 26 ปี” นพ.ศุภชัย กล่าว
นพ.ศุภชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมากที่โครงการวิจัยวัคซีนเอดส์ของไทย ได้รับการโหวตจากผู้เข้าชมเว็บไซต์ของนิตยสาร TIME ได้รับจัดอับดับการประดิษฐ์คิดค้นยิ่งใหญ่แห่งปี 2009 เป็นอันดับที่ 5 จากทั้งหมด 50 อันดับ ได้รับ 83 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน สร้างความชื่นใจให้กับคณะวิจัย และคนไทยทั่วประเทศ