สน.ทุ่งมหาเมฆ นำร่องใช้กฎหมายจราจรทางบกเข้มงวด สนองมาตรการ “ดื่มแล้วขับ ถูกจับขึ้นศาล มีสิทธิ์ติดคุก” สกัดกั้นพฤติกรรมดื่มแล้วขับ รับรู้ถึงโทษจำคุกในการดื่มแล้วขับ มูลนิธิเมาไม่ขับเผยสถิติอุบัติจากเมาแล้วขับเพิ่มทุกปี เสียชีวิตปีละกว่า 12,067 คน พิการ 100,000 คน สูญเสียทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่า 240,000 ล้านบาท
มูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับสถานีตำรวจทุ่งมหาเมฆ และสำนักงานศาลยุติธรรม แถลงมาตรการลดอุบัติเหตุ “ดื่มแล้วขับ ถูกจับขึ้นศาล มีสิทธิ์ติดคุก” โดย นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า สถานการณ์อุบัติเหตุจากเมาแล้วขับพบว่ามีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยสถิติผู้เสียชีวิตบนท้องถนนจะเมาแล้วขับเฉลี่ยปีละ 12,067 คน พิการสะสมปีละ 100,000 คน นับเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจรวม 240,000 ล้านบาท เป้าหมายสำคัญของการจำหน่ายเครื่อดื่มแอลกอฮอล์ คือ กลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 15-25 ปี และเป็นกลุ่มที่มีสถิติเสียชีวิตสูงสุดเช่นกัน ทั้งนี้ จากการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน (เอฟทีเอ) จะทำให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากต่างประเทศราคาถูกลงมาก เพราะไม่ต้องเสียภาษีเฉลี่ย 3 ขวด 50 บาท จากเดิม 3 ขวด 100 บาท
ทั้งนี้ การรณรงค์เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะในช่วงเทศกาลปีใหม่ การที่ทุกคนมีความสุขจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตและอุบัติเหตุสูง แม้ว่าขณะนี้กฎหมายจราจรทางบก จะมีการบังคับใช้เข้มงวดมากขึ้นและเจ้าหน้าที่ตำรวจและศาลบางพื้นที่จะลงโทษทั้งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ หรือสั่งกักขัง โดยไม่ต้องรอลงอาญา ที่ผ่านมาในพื้นที่ศาลภาค 2 ชลบุรี และภาคตะวันออก 8 จังหวัด ได้มีการนำร่องพิจารณาสั่งกักขังผู้ดื่มแล้วขับช่วง 15 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค.2551-ก.ย.2552 รวมทั้งสิ้น 155 ราย
ด้าน นายประสงค์ มหาลี้ตระกูล ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ประจำสำนักประธานศาลฎีกา กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก จะมีการพิจารณาและบังคับกฎหมายเข้มงวดมากขึ้น หากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบระดับแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะส่งฟ้องศาลได้ภายใน 48 ชั่วโมง และต่อมาศาลสามารถตัดสินให้รับโทษทั้งโทษปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือมีคำสั่งพักใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ รวมทั้งใช้ดุลพินิจสั่งกักขังผู้ที่เมาแล้วขับได้ ซึ่งถือว่าเป็นกฎหมายที่มีความรุนแรง อย่างไรก็ตาม การใช้ดุลพินิจของศาลแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญคือ มุ่งเน้นความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน และหากพบว่าผู้กระทำผิดไม่เคยได้รับโทษมาก่อน หรือเห็นว่าสมควร หรือเหมาะสม ก็อาจพิจารณาสั่งกักขังได้ทันที
พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 กล่าวว่า สน.ทุ่งมหาเมฆ เป็น สน.ที่มีสถิติดำเนินคดีกับผู้เมาแล้วขับมากที่สุดในประเทศไทยและมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ ในแต่ละปีหากเทียบสถิติคดีฆ่าชิงทรัพย์ ยังน้อยกว่าสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยในปีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมความพร้อมในการสกัดกั้นพฤติกรรมดื่มแล้วขับให้เข้มงวดมากขึ้น โดยจะมีการตั้งด่านทั้งในถนนสายหลักและสายรอง เพื่อควบคุมนักดื่มที่เมาแล้วขับ หากตรวจพบมีปริมาณแอลกอฮอล์สูงเกินกำหนดจะถูกดำเนินคดีทันที