กรมอนามัยประชุมโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ให้ความรู้ 3 อ. ระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ 2553 เพื่อสร้างวิทยากรมืออาชีพในเรื่องการถ่ายทอดองค์ความรู้ และแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และการควบคุมอารณ์ของกลุ่มเสี่ยงและประชาชนทั่วไปในการลดน้ำหนัก คาดหวังปี 2553 คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป 48 ล้านคน หุ่นดี ไร้พุง
วันนี้ (2 ธ.ค.2552) นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธาน เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาศักยภาพผู้ให้ความรู้ 3 อ. ระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ 2553 ณ โรงแรมนารายณ์ กรุงเทพมหานคร ว่ากรมอนามัยได้ดำเนินโครงการคนไทยไร้พุง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 เพื่อเฝ้าระวังภาวะอ้วนลงพุงในชมรมสร้างสุขภาพ โรงเรียนส่งเสริมสุขภาพระดับมัธยมศึกษา และหน่วยงานภาครัฐระดับจังหวัด โดยรณรงค์สร้างกระแส “คนไทยไร้พุง” ด้วยหลัก 3 อ. คือ อาหาร ออกกำลังกาย อารมณ์ พร้อมสร้างบุคคลต้นแบบไร้พุงด้วยภารกิจ 3 อ. รวมทั้งรับสมัครองค์กรต่างๆ จำนวน 1,050 องค์กร เพื่อเป็นภาคีเครือข่ายองค์กรไร้พุงต้นแบบ และชุมชนองค์กรไร้พุงต้นแบบทั่วประเทศ
นพ.สมยศ กล่าวไปว่า ผลการดำเนินงานขณะนี้มีองค์กร 361 องค์กร ที่มีศักยภาพสูงที่สามารถเป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องการพัฒนาองค์กรให้เป็นองค์กรไร้พุงต้นแบบ โดยในปี 2552 กรมอนามัยยังได้ดำเนินงานโครงการจังหวัดไร้พุงมุ่งสู่สุขภาพดี โดยรณรงค์ในรูปแบบการแข่งขันระดับจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บริหารขับเคลื่อนโครงการ ซึ่งได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ดังนั้น ในปี 2553 นี้ กรมอนามัยจึงมีแผนการดำเนินการโครงการจังหวัดไร้พุง...มุ่งสุ่สุขภาพดีปีที่ 2 พร้อมจัดประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาศักยภาพผู้ให้ความรู้ 3 อ. ระดับจังหวัดในครั้งนี้ขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพของวิทยากรระดับจังหวัดให้เป็นวิทยากรมืออาชีพและขับเคลื่อนการบริหารจัดการองค์กรต้นแบบไร้พุงให้เป็นศูนย์เรียนรู้ให้กับองค์กรอื่นๆ ที่ต้องการพัฒนาองค์กรให้เป็นองค์กรไร้พุง
“ทั้งนี้ การดำเนินงานเพื่อตอกย้ำการรณรงค์สร้างกระแสให้กับสังคมไทยในปี 2553 กรมอนามัยได้ตั้งเป้าหมายให้ประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 48 ล้านคน มีพฤติกรรมการบริโภคและการใช้แรงกายอย่างเหมาะสม สามารถควบคุมน้ำหนักตนเองได้จนนำไปสู่การลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยภาคีเครือข่ายที่เข้าร่วมเป็นผู้ให้ความรู้ 3 อ. นั้น จำเป็นต้องมีศักยภาพในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในองค์กรให้บรรลุเป้าหมาย ไร้พุง และสามารถเป็นต้นแบบให้แก่ชุมชนหรือองค์กรอื่นๆ ต่อไป โดยเน้นการสร้างพฤติกรรมตามหลัก 3 อ. คือ ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสม ลดหวาน มัน เค็ม เน้นกินผัก ผลไม้ที่มีรสไม่หวานจัด ออกกำลังกาย ด้วยการออกแรงแบบเบาๆ สัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 30-60 นาที เช่น แอโรบิก วิ่ง หรือเดิน และการควบคุมอารมณ์ให้แจ่มใส ไม่เครียด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จนนำไปสู่การมีสุขภาพดีได้อย่างยั่งยืนต่อไป” อธิบดีกรมอนามัยกล่าวในที่สุด