กทม.เปิดโครงการ “ยิ้มรับ ปรับหนี้ ที่อยู่อาศัย” แก้ปัญหาให้คนกรุงเทพฯ ที่มีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย เผยคนกรุงถูกยึดบ้านมีกว่า 70,000 คน ผู้ว่าฯ กทม.ยืนยันพร้อมช่วยเหลือทุกกรณี ด้านประชาชนที่เข้าร่วมงานส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจว่า กทม.จะช่วยได้มากน้อยเพียงใด
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานเปิดงาน “ยิ้มรับ ปรับหนี้ ที่อยู่อาศัย” ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นวันแรกที่เปิดให้ประชาชนที่มีปัญหาด้านที่อยู่อาศัยรับใบคำร้อง พร้อมกล่าวว่า โครงการนี้เป็นร่วมมือกันระหว่าง กทม. และศูนย์ประสานงานลูกหนี้แห่งชาติ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาหนี้สินด้านที่อยู่อาศัยของประชาชนใน กทม. จากตัวเลขของศูนย์ประสานงานลูกหนี้แห่งชาติ ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกยึดบ้านใน กทม.มีกว่า 70,000 คน โครงการนี้จะเปิดโอกาสให้กับประชาชนที่มีชื่อในทะเบียนบ้านในเขต กทม. และมีทรัพย์สินอยู่ใน กทม. ที่กำลังประสบปัญหาด้านที่อยู่อาศัย อาทิ บ้านกำลังถูกยึด ขายทอดตลาด ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีหรือถูกฟ้องล้มละลาย รวมไปถึงกลุ่มลูกหนี้ที่ต้องการหาสถาบันการเงินใหม่เพื่อรีไฟแนนซ์ (Refinance) บ้านกับสถาบันการเงินที่สนใจ สำหรับในวันนี้ผู้ที่มาลงทะเบียน 1,000 คนแรกจะได้รับสิทธิ์ในการพิจารณาเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับขั้นตอนการขอรับการช่วยเหลือในโครงการจะต้องขอรับใบคำร้องเพื่อกรอกรายละเอียด หากมาไม่ได้ในวันนี้สามารถไปขอรับได้ที่สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ตั้งแต่วันที่ 23-30 พฤศจิกายนนี้ ในวันและเวลาราชการ จากนั้นในวันที่ 1-30 ธันวาคม นำใบคำร้องพร้อมเอกสาร อาทิ สำเนาทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชน และสัญญาเงินกู้ หรือสัญญาจำนองไปยื่นที่สำนักงานเขต จากนั้นเขตจะตรวจหลักฐานและประกาศรายชื่อเพื่อให้ไปติดต่อที่ศูนย์ประสานงานลูกหนี้แห่งชาติในวันที่ 11 มกราคม 2553 เป็นต้นไป จากนั้นทางศูนย์จะคัดกรองปัญหาแต่ละรายและพิจารณาช่วยเหลือต่อไป
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า โครงการนี้ไม่จำกัดจำนวนคน และจำนวนหนี้ ยืนยันว่าจะให้ความช่วยเหลือทุกกรณี แต่จะสามารถช่วยเหลือได้มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงินว่าจะช่วยเหลือขนาดไหน
ด้านประชาชนที่สนใจเข้าร่วมงานต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยเป็นปัญหาที่สำคัญจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ทางร่างกาย และจิตใจ แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะช่วยได้มากน้อยเพียงใด
นายสำราญ เพชรลูก อายุ 45 ปี พนักงานบริษัท กล่าวว่า ตอนนี้ถูกศาลฟ้องร้องและยึดที่อยู่อาศัย เนื่องจากผ่อนส่งไม่ตรงกำหนด ทำให้ตอนนี้ไม่มีที่อยู่อาศัยต้องออกมาเช่าบ้านอยู่ เมื่อเห็นว่ามีโครงการนี้จึงรีบมาเพราะถือว่าเป็นทางเลือกสุดท้ายที่มีอยู่ในตอนนี้ แต่ส่วนตัวก็ยังไม่แน่ใจว่า กทม.จะสามารถช่วยเหลือได้มากน้อยเพียงใด เพราะมูลค่าหนี้ค่อนข้างสูง แต่หากช่วยไม่ได้ทั้งหมดก็ขอให้ได้ซักครึ่งก็ยังดี เพราะมองว่าปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตทั้งทางร่างกายและจิตใจ