เอ็กซ์โปบุหรี่เย้ยกฎหมายไทย “หมอหทัย” นำทีมกรมควบคุมโรคบุกงาน พบโชว์บุหรี่หรา ผิดกฎหมายคุมยาสูบ แจ้งตำรวจจับใช้หลักฐานภาพถ่ายมัด หลังผู้จัดงานถ่วงเวลาจนบริษัทยาสูบเก็บหลักฐานทัน พร้อมเตรียมทนายต่างชาติแก้ต่าง ยันทำผิดแผ่นดินไทยก็ต้องรับโทษ เผยยอดคนเข้างานลดลง เจ้าของธุรกิจออกบูธขอถอนตัว เหลือโหรงเหรง
วานนี้ (12 พ.ย.) นพ.หทัย ชิตานนท์ ประธานเครือข่ายต้านภัยเอ็กซ์โปบุหรี่ กล่าวว่า จากการเข้าตรวจสอบการจัดงานเอ็กซโปบุหรี่ ที่เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 11-13 พ.ย.พบว่ามีการกระทำความผิดตามมาตรา 8 ที่ห้ามมีการโฆษณาผลิตภัณฑ์ยาสูบหรือทำให้เห็นและได้รับทราบข้อความในที่สาธารณะของ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2535 โดยพบว่ามีการแสดงผลิตภัณฑ์ยาสูบในรูปแบบต่างๆ โดยทางผู้จัดงานได้เตรียมทีมนักกฎหมายต่างชาติ เพื่อต่อสู้ทางกฎหมาย แต่เมื่อกระทำผิดบนแผ่นดินไทย ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของไทย
“ผมได้เข้าไปภายในงานพร้อมด้วย นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.ภาณุวัฒน์ ปานเกตุ ผอ.สำนักควบคุมการบริโภคยาสูบ กรมควบคุมโรค เพื่อตรวจสอบในสถานที่จัดงาน พบว่ามีการขัดขวางทำให้เกิดความล่าช้าในการตรวจสอบ จนบริษัทยาสูบสามารถเก็บสินค้าที่แสดงโชว์ได้ทัน แต่ก็ถือว่าการจัดงานครั้งนี้อุตสาหกรรมยาสูบ ไม่ได้รับชัยชนะตามที่ประกาศไว้ we win Thailand : we win everywhere และเป็นครั้งแรกที่มีการดำเนินกฎหมายจากที่มีการจัดงานเอ็กซโปบุหรี่ที่ผ่านมาทั่วโลก”นพ.หทัย กล่าว
นพ.หทัย กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าพนักงานได้นำหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายที่บริษัทผู้ผลิตต่างๆได้จัดแสดงสินค้า ตั้งแต่การจัดงานภายในวันแรก โดยพบว่า มียี่ห้อสินค้ามาแสดงภายในบริเวณการจัดงาน ได้แก่ บลองโก้ และจีที ซึ่งทั้งสองยี่ห้อผลิตในสหรัฐอเมริกา และยี่ห้อ บองชูว์ ซึ่งยังไม่ทราบบริษัทผู้ผลิต และสินค้าจากประเทศอินเดียอีกหลายชนิด
“หลังจากได้หลักฐานทั้งหมดได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.อ.ปากเกร็ด ให้เข้ามาแจ้งข้อกล่าวหา เอาผิดตามมาตรา 8 ต่อผู้จัดงาน โดยกฎหมายระบุว่า ถ้าไม่ใช่เจ้าของผลิตภัณฑ์ แต่นำสินค้ามาแสดงในลักษณะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย มีโทษปรับไม่เกิน 2 แสนบาท แต่หากเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์กระทำผิดเองจะมีความผิดเป็น 2 เท่าต่อรายการสินค้าที่แสดง” นพ.หทัย กล่าว
นพ.หทัย กล่าวว่า นอกจากนี้ จากการเข้าตรวจสอบยังพบว่า มีบริษัทผู้ผลิตยาสูบจากประเทศสวีเดน ได้นำเครื่องผลิตบุหรี่ชนิดไร้ควันมาจัดแสดง แต่ไม่พบว่ามีผลิตภัณฑ์บุหรี่ไร้ควันตั้งแสดง มีแต่กล่องบรรจุภัณฑ์เปล่าๆ แสดงให้เห็นได้ว่า ธุรกิจยาสูบมีเป้าหมายในการบุกตลาดบุหรี่ไร้ควัน
“ผมดีใจมากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าแจ้งข้อกล่าวหา ต่อผู้จัดงานในครั้งนี้ ถือได้ว่า เป็นความสำเร็จของเครือข่ายต้านภัยเอ็กซ์โปบุหรี่ ที่เรียกร้องและต่อต้านการจัดงานครั้งนี้อีกทั้งยังพบว่าจำนวนผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้มีน้อยมาก ซึ่งผู้จัดงานยอมรับว่ามีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 300-400 รายต่อวันเท่านั้น จากเดิมที่ตั้งเป้าว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานหลักพันคนต่อวัน และยังพบว่าบริษัทที่จองบูธในการจัดแสดงในงาน มีการยกเลิกจำนวนมาก”นพ.หทัย กล่าว
วานนี้ (12 พ.ย.) นพ.หทัย ชิตานนท์ ประธานเครือข่ายต้านภัยเอ็กซ์โปบุหรี่ กล่าวว่า จากการเข้าตรวจสอบการจัดงานเอ็กซโปบุหรี่ ที่เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 11-13 พ.ย.พบว่ามีการกระทำความผิดตามมาตรา 8 ที่ห้ามมีการโฆษณาผลิตภัณฑ์ยาสูบหรือทำให้เห็นและได้รับทราบข้อความในที่สาธารณะของ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2535 โดยพบว่ามีการแสดงผลิตภัณฑ์ยาสูบในรูปแบบต่างๆ โดยทางผู้จัดงานได้เตรียมทีมนักกฎหมายต่างชาติ เพื่อต่อสู้ทางกฎหมาย แต่เมื่อกระทำผิดบนแผ่นดินไทย ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของไทย
“ผมได้เข้าไปภายในงานพร้อมด้วย นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.ภาณุวัฒน์ ปานเกตุ ผอ.สำนักควบคุมการบริโภคยาสูบ กรมควบคุมโรค เพื่อตรวจสอบในสถานที่จัดงาน พบว่ามีการขัดขวางทำให้เกิดความล่าช้าในการตรวจสอบ จนบริษัทยาสูบสามารถเก็บสินค้าที่แสดงโชว์ได้ทัน แต่ก็ถือว่าการจัดงานครั้งนี้อุตสาหกรรมยาสูบ ไม่ได้รับชัยชนะตามที่ประกาศไว้ we win Thailand : we win everywhere และเป็นครั้งแรกที่มีการดำเนินกฎหมายจากที่มีการจัดงานเอ็กซโปบุหรี่ที่ผ่านมาทั่วโลก”นพ.หทัย กล่าว
นพ.หทัย กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าพนักงานได้นำหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายที่บริษัทผู้ผลิตต่างๆได้จัดแสดงสินค้า ตั้งแต่การจัดงานภายในวันแรก โดยพบว่า มียี่ห้อสินค้ามาแสดงภายในบริเวณการจัดงาน ได้แก่ บลองโก้ และจีที ซึ่งทั้งสองยี่ห้อผลิตในสหรัฐอเมริกา และยี่ห้อ บองชูว์ ซึ่งยังไม่ทราบบริษัทผู้ผลิต และสินค้าจากประเทศอินเดียอีกหลายชนิด
“หลังจากได้หลักฐานทั้งหมดได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.อ.ปากเกร็ด ให้เข้ามาแจ้งข้อกล่าวหา เอาผิดตามมาตรา 8 ต่อผู้จัดงาน โดยกฎหมายระบุว่า ถ้าไม่ใช่เจ้าของผลิตภัณฑ์ แต่นำสินค้ามาแสดงในลักษณะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย มีโทษปรับไม่เกิน 2 แสนบาท แต่หากเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์กระทำผิดเองจะมีความผิดเป็น 2 เท่าต่อรายการสินค้าที่แสดง” นพ.หทัย กล่าว
นพ.หทัย กล่าวว่า นอกจากนี้ จากการเข้าตรวจสอบยังพบว่า มีบริษัทผู้ผลิตยาสูบจากประเทศสวีเดน ได้นำเครื่องผลิตบุหรี่ชนิดไร้ควันมาจัดแสดง แต่ไม่พบว่ามีผลิตภัณฑ์บุหรี่ไร้ควันตั้งแสดง มีแต่กล่องบรรจุภัณฑ์เปล่าๆ แสดงให้เห็นได้ว่า ธุรกิจยาสูบมีเป้าหมายในการบุกตลาดบุหรี่ไร้ควัน
“ผมดีใจมากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าแจ้งข้อกล่าวหา ต่อผู้จัดงานในครั้งนี้ ถือได้ว่า เป็นความสำเร็จของเครือข่ายต้านภัยเอ็กซ์โปบุหรี่ ที่เรียกร้องและต่อต้านการจัดงานครั้งนี้อีกทั้งยังพบว่าจำนวนผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้มีน้อยมาก ซึ่งผู้จัดงานยอมรับว่ามีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 300-400 รายต่อวันเท่านั้น จากเดิมที่ตั้งเป้าว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานหลักพันคนต่อวัน และยังพบว่าบริษัทที่จองบูธในการจัดแสดงในงาน มีการยกเลิกจำนวนมาก”นพ.หทัย กล่าว
