กทม.จับมือหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน รณรงค์ไม่ทิ้งขยะลงคลองบริเวณริมคลองหลอด เผย พื้นที่ชั้นในมีมือดีทิ้งขยะลงคลองมากที่สุด ด้าน “ธีระชน” กำชับทุกเขตติดคลองห้ามปล่อยขยะตกค้างเด็ดขาด
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมคณะเจ้าหน้าที่จากสำนักสิ่งแวดล้อม สำนักเทศกิจ สำนักงานเขตพระนคร รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมรณรงค์แจกเอกสารประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชน งดทิ้งขยะลงแม่น้ำลำคลองบริเวณริมคลองหลอด หลังพระแม่ธรณีบีบมวยผม ตามโครงการ “ทิ้งลงถัง ไม่ปรับ ไม่จับ” ของผู้ว่าฯ กทม.เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามลำคลอง ช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดลำคลอง ไม่ทิ้งขยะลงคลอง ลดปัญหาน้ำเน่าเสีย
ทั้งนี้ กทม.ได้เริ่มมาตรการเข้มงวดห้ามทิ้งขยะในที่สาธารณะตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 เป็นต้นมา สำหรับเดือน พ.ย.การทิ้งขยะลงแม่น้ำลำคลอง จะเป็นการตักเตือน และสร้างจิตสำนึก จากนั้นเดือนธันวาคมจะเริ่มการจับปรับกับผู้ฝ่าฝืนในอัตราเริ่มต้นที่ 1,000 บาท จากนั้น 3 เดือน หากยังมีประชาชนยังฝ่าฝืนทิ้งขยะลงแม่น้ำลำคลอง จะเพิ่มโทษปรับแก่ผู้ฝ่าฝืน ซึ่งมีโทษสูงสุดปรับ 10,000 บาท ตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาด พ.ศ. 2535
ปัจจุบันใน กทม.มีคลองทั้งหมด 1,165 สาย พื้นที่เขตรอบนอกพบปัญหาวัชพืชอุดตัน ส่วนเขตชั้นในพบปัญหาประชาชนทิ้งขยะลงลำคลอง นอกจากนี้ปริมาณขยะใน กทม.มีปริมาณสูงถึงวันละ 9,500 ตัน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นถึงวันละ 13,550 ตัน เฉลี่ย 1 คน ทิ้งขยะวันละ 1 กิโลกรัม ทำให้กทม.ต้องเสียค่าใช่จ่ายในการกำจัดขยะถึงปีละ 2,286 ล้านบาท
นายธีระชน กล่าวว่า ที่ผ่านมา กทม.ได้รณรงค์ขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยกันรักษาความสะอาดพื้นที่สาธารณะ รวมถึงแม่น้ำลำคลอง ด้วยการงดทิ้งขยะลงคลอง เพื่อฟื้นฟูสภาพแม่น้ำลำคลองให้กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว พร้อมทั้งกำชับให้ทุกสำนักงานเขตที่อยู่ติดแม่น้ำลำคลอง หมั่นตรวจสอบไม่ให้มีขยะตกค้างรวมทั้งจัดปริมาณถังขยะให้เพียงพอ อีกทั้ง กทม.เป็นเมืองใหญ่เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว ถ้าแม่น้ำลำคลองสะอาดแล้วจะทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกดีเกิดความประทับใจมาเที่ยวมากยิ่งขึ้น