“นวลพรรณ” รุดเยี่ยมสาวพิการซ้ำซ้อน ที่คู่ขาพี่ชายแท้ๆ ข่มขืนจนท้อง ภายหลักจากคลอดลูกสาว ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.ที่ รพ.ชลประทาน เผยเด็กแข็งแรง น้ำหนัก 2,810 กรัม พม.รับเยียวยาสภาพจิตใจต่ออีก 1 เดือน พร้อมประเมินครอบครัว สภาพแวดล้อม หากทางบ้านจะรับกลับ ขณะที่ทารกน้อยอยู่ในความดูแลของสถานเด็กอ่อนปากเกร็ด จนถึง 7 ขวบ ด้านกุมารแพทย์ เผย หากแม่พิการจากพันธุกรรมเสี่ยงมาถึงลูก นัดดูพัฒนาการเป็นระยะๆ
วันนี้ (5 พ.ย.) นางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เดินทางเยี่ยม น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี สาวพิการซ้ำซ้อน เป็นใบ้ ตาบอด หูหนวก สติไม่สมประกอบ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ที่โดนคู่ขาพี่ชายแท้ๆ ข่มขืนจนตั้งครรภ์ ซึ่งอยู่ในความคุ้มครองของสถานสงเคราะห์เด็กพิการและทุพพลภาพปากเกร็ด (บ้านนนทภูมิ) จ.นนทบุรี ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.เป็นต้นมา ล่าสุด ในวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา น.ส.เอ ได้คลอดบุตรสาวด้วยวิธีการผ่าตัด น้ำหนัก 2,810 กรัม สุขภาพแข็งแรง ณ รพ.ชลประทาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี คาดว่า อีก 3-5 วันสามารถกลับสถานสงเคราะห์ได้
“หลังจากออกจากโรงพยาบาล น.ส.เอ จะถูกส่งกลับไปยังสถานสงเคราะห์เด็กพิการและทุพพลภาพปากเกร็ด เพื่อเยียวยาทั้งทางร่างกายและจิตใจต่ออีกอย่างน้อย 1 เดือน จากนั้นหากทางครอบครัวต้องการรับตัวกลับไปดูแลเอง ทาง พม.และ พมจ. จ.สระบุรี จะทำการประเมินสภาพแวดล้อมและความพร้อมของครอบครัวก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กกลับไปแล้วได้รับการดูแล และเหตุการณ์สลดจะไม่เกิดซ้ำอีก หากต้องส่งตัวกลับก็จะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากตัวแม่เองเป็นคนพิการซ้ำซ้อนสามารถรับรู้ได้แค่ทางสัมผัสทางกายและกลิ่น ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย การดูแลลูกจึงตกเป็นหน้าที่ของ พม.โดยจะส่งไปอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ด จนกระทั่งอายุครบ 7 ขวบ
จากนั้นหากทางครอบครัวต้องการรับไปดูแลเองก็จะทำการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อน โดยยึดประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ นอกจากนี้อยากให้กรณีนี้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจ ชี้ให้เห็นถึงปัญหาความรุนแรงในครอบครัวโดยเฉพาะกับคนที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้อย่างคนพิการ” นางนวลพรรณ กล่าว
ด้าน นพ.ไชยสิทธิ์ วชิรดิลก หัวหน้ากลุ่มงานสูตินรีเวชกรรม รพ.ชลประทาน กล่าวว่า เนื่องจากผู้เป็นแม่ไม่สามารถให้ความร่วมมือในการทำคลอดได้เลย จึงเลือกวิธีผ่าตัดทำคลอดเพื่อความปลอดภัยของแม่และลูก นอกจากนี้ ได้ทำหมันให้ด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าอีก 3-5 วันก็จะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้หากไม่มีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา
พญ.สุวิมล ตั้งกิตติถาวร กุมารแพทย์ รพ.ชลประทาน กล่าวว่า หากความพิการของแม่เกิดจากพันธุกรรมก็มีอัตราเสี่ยงในการส่งต่อความพิการให้ลูกได้ ส่วนกรณี น.ส.เอ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าความพิการนั้น เกิดจากพันธุกรรมหรือไม่ จึงไม่อาจทราบได้ว่าเด็กจะมีความผิดปกติหรือไม่ แต่ในเบื้องต้นเด็กมีสุขภาพแข็งแรง น้ำหนักก็อยู่ในเกณฑ์ปกติเท่ากับเด็กทั่วไป จากนี้จะนัดดูพัฒนาการของเด็กอย่างต่อเนื่อง เช่น ดูกล้ามเนื้อ การพลิกตัว พัฒนาการด้านภาษา การเดิน เพื่อดูว่าเด็กมีความผิดปกติด้านการพัฒนาการหรือไม่
