ศธ.ทุ่มงบไทยเข้มแข็ง 2.3 พันล้าน เดินหน้าสร้างโรงเรียนต้นแบบระดับสากลทั่วประเทศ 500 แห่ง เน้นเป็นเลิศวิชาการ บริหารจัดการดี พัฒนาผู้บริหาร ครู ปัจจัยพื้นฐาน “จุรินทร์” สั่งคณะทำงานให้เวลา 2 สัปดาห์ จัดทำกรอบมาตรฐานคุณภาพ กำหนดคุณลักษณะเด็ก ปรับลดหลักสูตรซ้ำซ้อน พร้อมกำหนดระบบคัดเลือกผู้บริหาร เน้นกระบวนการติดตามแบบเข้มข้น
วันนี้ (28 ต.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) และคณะผู้บริหารโรงเรียน 22 แห่ง ซึ่งเป็นโรงเรียนต้นแบบในการยกระดับโรงเรียนทั่วประเทศ 500 แห่ง ขึ้นเป็นโรงเรียนดีระดับสากล ตามนโยบายโรงเรียนดี 3 ระดับ ว่า ที่ประชุมได้กำหนดแนวทางในการยกระดับโรงเรียนดังกล่าว โดยทั้ง 500 แห่งจะต้องมุ่งเน้นในด้านความเป็นเลิศทางวิชาการ การบริหารจัดการที่ดี รวมถึงการพัฒนาผู้บริหาร ครูผู้สอน และปัจจัยพื้นฐาน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของ ศธ.ที่ต้องการทำให้ผู้เรียนเป็นผู้ที่เก่ง ดี มีความสุข ภาคภูมิใจในความเป็นไทย และก้าวสู่ระดับสากล อย่างน้อยในกรอบของประชาคมอาเซียน ทั้งนี้การดำเนินโครงการดังกล่าวจะใช้งบประมาณจากโครงการแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง (SP2) ตั้งแต่ปี 2553-2555 จำนวน 2,358 ล้านบาท
“ที่ประชุมได้มอบให้คณะทำงานไปจัดทำกรอบมาตรฐานคุณภาพ หรือ TQF ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อกำหนดคุณลักษณะของนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาว่าควรเป็นอย่างไร ซึ่งอย่างน้อยโรงเรียนเหล่านี้ต้องเป็นผู้นำในการสอนให้เด็กคิดวิเคราะห์ มากขึ้นกว่าการท่องจำ โดยจะใช้การท่องจำเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และต้องมีการเรียนการสอนนอกห้องเรียนอย่างสร้างสรรค์มากขึ้น นอกจากนี้ยังได้มอบให้คณะทำงานไปปรับเนื้อหาในหลักสูตรที่มีความซ้ำซ้อน เพื่อลดภาระของนักเรียนให้มีเวลาเรียนนอกห้องเรียนมากขึ้นด้วย” รมว.ศธ.กล่าว
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันยังได้มอบให้คณะทำงานไปกำหนดมาตรฐานในรายละเอียดว่าโรงเรียนดีระดับสากลจะต้องมีองค์ประกอบใดบ้าง ตลอดจนการกำหนดรายละเอียดให้ชัดเจนในการจัดทำเครือข่ายโรงเรียนคู่พัฒนา หรือร่วมพัฒนา เพื่อให้โรงเรียนดีระดับสากลสามารถยกระดับมาตรฐานขึ้นได้ภายในเวลาที่กำหนด รวมถึงยังได้มอบให้ไปจัดทำระบบการคัดเลือกผู้บริหารที่จะเข้ามาบริหารโรงเรียนในระดับนี้ และระบบการติดตามประเมินผลแบบเข้มว่าควรจะมีลักษณะใด ทั้งนี้จะต้องนำกลับมาเสนอต่อที่ประชุมอีกครั้งภายใน 2 สัปดาห์
วันนี้ (28 ต.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) และคณะผู้บริหารโรงเรียน 22 แห่ง ซึ่งเป็นโรงเรียนต้นแบบในการยกระดับโรงเรียนทั่วประเทศ 500 แห่ง ขึ้นเป็นโรงเรียนดีระดับสากล ตามนโยบายโรงเรียนดี 3 ระดับ ว่า ที่ประชุมได้กำหนดแนวทางในการยกระดับโรงเรียนดังกล่าว โดยทั้ง 500 แห่งจะต้องมุ่งเน้นในด้านความเป็นเลิศทางวิชาการ การบริหารจัดการที่ดี รวมถึงการพัฒนาผู้บริหาร ครูผู้สอน และปัจจัยพื้นฐาน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของ ศธ.ที่ต้องการทำให้ผู้เรียนเป็นผู้ที่เก่ง ดี มีความสุข ภาคภูมิใจในความเป็นไทย และก้าวสู่ระดับสากล อย่างน้อยในกรอบของประชาคมอาเซียน ทั้งนี้การดำเนินโครงการดังกล่าวจะใช้งบประมาณจากโครงการแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง (SP2) ตั้งแต่ปี 2553-2555 จำนวน 2,358 ล้านบาท
“ที่ประชุมได้มอบให้คณะทำงานไปจัดทำกรอบมาตรฐานคุณภาพ หรือ TQF ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อกำหนดคุณลักษณะของนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาว่าควรเป็นอย่างไร ซึ่งอย่างน้อยโรงเรียนเหล่านี้ต้องเป็นผู้นำในการสอนให้เด็กคิดวิเคราะห์ มากขึ้นกว่าการท่องจำ โดยจะใช้การท่องจำเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และต้องมีการเรียนการสอนนอกห้องเรียนอย่างสร้างสรรค์มากขึ้น นอกจากนี้ยังได้มอบให้คณะทำงานไปปรับเนื้อหาในหลักสูตรที่มีความซ้ำซ้อน เพื่อลดภาระของนักเรียนให้มีเวลาเรียนนอกห้องเรียนมากขึ้นด้วย” รมว.ศธ.กล่าว
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันยังได้มอบให้คณะทำงานไปกำหนดมาตรฐานในรายละเอียดว่าโรงเรียนดีระดับสากลจะต้องมีองค์ประกอบใดบ้าง ตลอดจนการกำหนดรายละเอียดให้ชัดเจนในการจัดทำเครือข่ายโรงเรียนคู่พัฒนา หรือร่วมพัฒนา เพื่อให้โรงเรียนดีระดับสากลสามารถยกระดับมาตรฐานขึ้นได้ภายในเวลาที่กำหนด รวมถึงยังได้มอบให้ไปจัดทำระบบการคัดเลือกผู้บริหารที่จะเข้ามาบริหารโรงเรียนในระดับนี้ และระบบการติดตามประเมินผลแบบเข้มว่าควรจะมีลักษณะใด ทั้งนี้จะต้องนำกลับมาเสนอต่อที่ประชุมอีกครั้งภายใน 2 สัปดาห์