กทม.ตรึงกำลังเข้มตรวจสอบพื้นที่อันตราย ช่วงเทศกาลลอยกระทง หวั่นเกิดเหตุร้ายซ้ำซ้อน พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบโป๊ะ ท่าเรือ รวมทั้งอำนวยความสะดวกช่วงหน้าฝนให้ประชาชนเกิดกำลังใจให้ผ่านพ้นปัญหา ด้าน รผว.ธีระชน ย้ำยังเดินหน้ามาตรการทิ้งจับปรับจริงจัง จนถึง ธ.ค.นี้
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกทม.โดยได้กล่าวกำชับในที่ประชุมว่า
ภายหลังเกิดเหตุอาชญากรรมบริเวณป้ายรอรถโดยสารพื้นที่เขตบางกะปิ กทม.ได้กำหนดมาตรการการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยดูแลตามอำนาจหน้าที่ของกทม. ดังนี้ มอบหมายให้ทุกสำนักงานเขตตรวจสอบพื้นที่อันตราย พื้นที่รกรุงรังที่เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาอาชญากรรม โดยเฉพาะบริเวณป้ายรอรถโดยสาร นอกจากการสำรวจจุดเสี่ยงภัยแล้วยังต้องแก้ไขปรับปรุงพื้นที่ไม่ให้มีป่าทึบ และติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างเพิ่มเติม
รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำกฎหมาย พ.ร.บ.ที่ดิน และ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดมาบังคับใช้กับเจ้าของพื้นที่รกร้างว่างเปล่า โดยกวดขันให้เข้ามาดำเนินกับพื้นที่ของตนเองให้มีความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น เพื่อความปลอดภัยของประชาชนส่วนรวม
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาวนั้น กทม.จะทำการติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างเพิ่มมากขึ้น 5,000 จุด พร้อมติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อสอดส่องทั่วทุกพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 3,000 จุดภายในปีนี้
รวมทั้งจัดโครงการอาสาสมัครพิทักษ์คนเมือง ซึ่งเป็นโครงการที่ให้ประชาชนร่วมดูแลซึ่งกันและกัน โดยผู้เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ กลุ่มผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง แท็กซี่ และรปภ. ให้ผู้เข้าร่วมโครงการร่วมเครือข่ายในการดูแลสอดส่องความปลอดภัยของประชาชน เพื่อเป็นการป้องกันและพร้อมในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประสบเหตุในเบื้องต้นได้
ส่วนเทศกาลลอยกระทงวันที่ 2 พ.ย.2552 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัยในช่วงเทศกาลดังกล่าวนั้นได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับสถานีตำรวจตรวจสอบสถานที่ผลิต จำหน่ายดอกไม้เพลิงในพื้นที่ของตนเอง พร้อมจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของท่าเรือ โป๊ะ และสถานที่ลอยกระทง รวมทั้งติดตั้งป้ายแสดงการรับน้ำหนักและการบรรจุคน และติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างเพิ่มเติมด้วย
นอกจากนี้ ให้จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจและอปพร.ประจำโป๊ะเพื่ออำนวยความสะดวก ความปลอดภัย รวมทั้งประสานโรงพยาบาลเพื่อเตรียมพร้อมรับผู้ประสบภัย และจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง กู้ภัย ให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันทีที่เกิดเหตุร้ายด้วย ส่วนที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าจะมีฝนตกอย่างต่อเนื่องในระยะนี้
ดังนั้นจึงขอให้ทุกหน่วยงานกำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน อาทิ การระบายน้ำ การรับส่งประชาชนจากภายในหมู่บ้านออกมายังถนนใหญ่ การแจกจ่ายยาเวชภัณฑ์ และการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนเกิดขวัญกำลังใจในช่วงที่เกิดปัญหาให้สามารถผ่านพ้นปัญหาที่เกิดขึ้นไปได้ และร่วมมือกับกทม.ในการแก้ไขปัญหาต่อไป
ด้าน นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวถึงมาตรการทิ้ง จับ ปรับ ว่า กทม.จะเริ่มดำเนินการอย่างจริงจังตั้งแต่บัดนี้จนถึงสิ้นเดือน ธ.ค. โดยในเบื้องต้นกำหนดให้มีโทษปรับ 100 บาทก่อน
“ที่ผ่านมาพบประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งนี้ให้ทุกสำนักงานเขตติดตั้งถังขยะใสบริเวณพื้นที่จุดทิ้ง จับ ปรับ และพิจารณาตั้งจุดจับปรับเพิ่มเติม โดยให้ขยายผลเน้นไปยังพื้นที่ชุมนุมชนให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังจากเดือน ธ.ค. กทม.จะทบทวนมาตรการใหม่อีกครั้ง เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนในการดำเนินงานต่อไป”
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกทม.โดยได้กล่าวกำชับในที่ประชุมว่า
ภายหลังเกิดเหตุอาชญากรรมบริเวณป้ายรอรถโดยสารพื้นที่เขตบางกะปิ กทม.ได้กำหนดมาตรการการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยดูแลตามอำนาจหน้าที่ของกทม. ดังนี้ มอบหมายให้ทุกสำนักงานเขตตรวจสอบพื้นที่อันตราย พื้นที่รกรุงรังที่เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาอาชญากรรม โดยเฉพาะบริเวณป้ายรอรถโดยสาร นอกจากการสำรวจจุดเสี่ยงภัยแล้วยังต้องแก้ไขปรับปรุงพื้นที่ไม่ให้มีป่าทึบ และติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างเพิ่มเติม
รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำกฎหมาย พ.ร.บ.ที่ดิน และ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดมาบังคับใช้กับเจ้าของพื้นที่รกร้างว่างเปล่า โดยกวดขันให้เข้ามาดำเนินกับพื้นที่ของตนเองให้มีความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น เพื่อความปลอดภัยของประชาชนส่วนรวม
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาวนั้น กทม.จะทำการติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างเพิ่มมากขึ้น 5,000 จุด พร้อมติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อสอดส่องทั่วทุกพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 3,000 จุดภายในปีนี้
รวมทั้งจัดโครงการอาสาสมัครพิทักษ์คนเมือง ซึ่งเป็นโครงการที่ให้ประชาชนร่วมดูแลซึ่งกันและกัน โดยผู้เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ กลุ่มผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง แท็กซี่ และรปภ. ให้ผู้เข้าร่วมโครงการร่วมเครือข่ายในการดูแลสอดส่องความปลอดภัยของประชาชน เพื่อเป็นการป้องกันและพร้อมในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประสบเหตุในเบื้องต้นได้
ส่วนเทศกาลลอยกระทงวันที่ 2 พ.ย.2552 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัยในช่วงเทศกาลดังกล่าวนั้นได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับสถานีตำรวจตรวจสอบสถานที่ผลิต จำหน่ายดอกไม้เพลิงในพื้นที่ของตนเอง พร้อมจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของท่าเรือ โป๊ะ และสถานที่ลอยกระทง รวมทั้งติดตั้งป้ายแสดงการรับน้ำหนักและการบรรจุคน และติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างเพิ่มเติมด้วย
นอกจากนี้ ให้จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจและอปพร.ประจำโป๊ะเพื่ออำนวยความสะดวก ความปลอดภัย รวมทั้งประสานโรงพยาบาลเพื่อเตรียมพร้อมรับผู้ประสบภัย และจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง กู้ภัย ให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันทีที่เกิดเหตุร้ายด้วย ส่วนที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าจะมีฝนตกอย่างต่อเนื่องในระยะนี้
ดังนั้นจึงขอให้ทุกหน่วยงานกำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน อาทิ การระบายน้ำ การรับส่งประชาชนจากภายในหมู่บ้านออกมายังถนนใหญ่ การแจกจ่ายยาเวชภัณฑ์ และการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนเกิดขวัญกำลังใจในช่วงที่เกิดปัญหาให้สามารถผ่านพ้นปัญหาที่เกิดขึ้นไปได้ และร่วมมือกับกทม.ในการแก้ไขปัญหาต่อไป
ด้าน นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวถึงมาตรการทิ้ง จับ ปรับ ว่า กทม.จะเริ่มดำเนินการอย่างจริงจังตั้งแต่บัดนี้จนถึงสิ้นเดือน ธ.ค. โดยในเบื้องต้นกำหนดให้มีโทษปรับ 100 บาทก่อน
“ที่ผ่านมาพบประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งนี้ให้ทุกสำนักงานเขตติดตั้งถังขยะใสบริเวณพื้นที่จุดทิ้ง จับ ปรับ และพิจารณาตั้งจุดจับปรับเพิ่มเติม โดยให้ขยายผลเน้นไปยังพื้นที่ชุมนุมชนให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังจากเดือน ธ.ค. กทม.จะทบทวนมาตรการใหม่อีกครั้ง เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนในการดำเนินงานต่อไป”
