กทม.เผยผลตรวจสอบข้อเท็จจริงพบผู้กระทำผิด 6 คน โทษหนักสุดสั่งย้าย ผอ.โรงเรียนกีฬา เบาสุดเจอภาคทัณฑ์ หลังปล่อยให้มีนักเรียนตีกัน “ทยา” เตรียมเรียกผู้ปกครองเด็กไกล่เกลี่ยอีกรอบหลังตกลงค่าทำขวัยไม่เสร็จ
นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีกลุ่มนักเรียน ม.6 โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร รุมทำร้ายร่างกายนักเรียน ม.2 ซึ่งเป็นรุ่นน้องโรงเรียนเดียวกันจนได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ว่า หลังจากที่ได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า 30 ปาก พบว่า มีผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีความผิดทั้งหมด 6 คน ประกอบด้วย 1.นายจักรพงษ์ สมัครณรงค์ อาสาสมัครสอนกีฬากรีฑา ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์แต่ไม่ได้มีการห้ามปราม ถือว่ามีความผิดวินัยร้ายแรง ได้ลงโทษด้วยการเลิกจ้าง 2.นายอุดม ลายทิม เจ้าหน้าที่พลศึกษา 5 ศูนย์เยาวชน สอนกีฬาว่ายน้ำ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เวรในวันเกิดเหตุ แต่ไม่ได้ทำหน้าที่ด้วยความรอบคอบ จึงถูกลงโทษตัดเงินเดือนร้อยละ 5 เป็นเวลา 1 เดือน 3.นายนพพร เอกสาตรา เจ้าหน้าที่พลศึกษา 5 ศูนย์เยาวชน ปฏิบัติหน้าที่เวรในวันเกิดเหตุ แต่ไม่ได้ทำหน้าที่ด้วยความรอบคอบ จึงถูกลงโทษตัดเงินเดือนร้อยละ 5 เป็นเวลา 1 เดือน 4.นายอัฐชัย ฤทธิวงศ์ อาสาสมัครศูนย์กีฬา อยู่เวรหอพักในวันเกิดเหตุ ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างรอบคอบ คณะกรรมการเห็นว่าควรตัดเงินเดือนร้อยละ 5 เป็นเวลา 1 เดือน แต่ทางคณะผู้บริหารเห็นว่านายอัฐชัยไม่เคยทำความผิดมาก่อน จึงควรถูกลงโทษภาคทัณฑ์
5.นายณรงค์ สุขประกอบ หัวหน้าศูนย์ฝึกกีฬาเยาวชน ได้รับรายงานการเกิดเหตุพร้อมพยายามแก้ไขสถานการณ์เบื้องต้น เสนอให้ลงโทษภาคทัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารเห็นว่า นายณรงค์ ไม่เหมาะสมกับการดูแลศูนย์ฝึกกีฬา จึงควรให้ย้ายการปฏิบัติหน้าที่จากศูนย์ฝึกกีฬา มาทำหน้าที่ที่สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กทม.โดยระหว่างนี้ได้ให้ นายสุธน โกมลเสน ไปรักษาการผู้อำนวยการเป็นการชั่วคราว และ 6.นายชาตรี วัฎฎานนท์ ผู้อำนวยการกองการกีฬา ทราบเรื่องแต่ไม่ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงกว่า ถือว่าเป็นความผิดทางวินัยเล็กน้อย จึงให้ลงโทษภาคทัณฑ์
นางทยา กล่าวต่อว่า ส่วนการไกล่เกลี่ยค่าทำขวัญล่าสุดทางผู้ปกครองไม่สามารถตกลงกันได้ ทาง กทม.จึงได้นัดให้ผู้ปกครองของเด็กทั้ง 2 ฝ่ายมาเจรจาอีกครั้งในวันที่ 18 ก.ย.นี้ นอกจากนั้นแล้วตนเตรียมที่จะเรียกประชุมผู้บริหาร ครู โรงเรียนกีฬาสังกัด กทม.ทั้ง 3 แห่ง เพื่อกำชับมาตรการดูแลความปลอดภัยของนักเรียนในโรงเรียนกีฬาของ กทม.โดยจะกำชับให้ผู้บริหารเอาใจใส่ยิ่งขึ้น รวมทั้งจะเสนอของบประมาณติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพิ่ม เพื่อให้มีภาพหลักฐานหากเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้น
นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีกลุ่มนักเรียน ม.6 โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร รุมทำร้ายร่างกายนักเรียน ม.2 ซึ่งเป็นรุ่นน้องโรงเรียนเดียวกันจนได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ว่า หลังจากที่ได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า 30 ปาก พบว่า มีผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีความผิดทั้งหมด 6 คน ประกอบด้วย 1.นายจักรพงษ์ สมัครณรงค์ อาสาสมัครสอนกีฬากรีฑา ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์แต่ไม่ได้มีการห้ามปราม ถือว่ามีความผิดวินัยร้ายแรง ได้ลงโทษด้วยการเลิกจ้าง 2.นายอุดม ลายทิม เจ้าหน้าที่พลศึกษา 5 ศูนย์เยาวชน สอนกีฬาว่ายน้ำ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เวรในวันเกิดเหตุ แต่ไม่ได้ทำหน้าที่ด้วยความรอบคอบ จึงถูกลงโทษตัดเงินเดือนร้อยละ 5 เป็นเวลา 1 เดือน 3.นายนพพร เอกสาตรา เจ้าหน้าที่พลศึกษา 5 ศูนย์เยาวชน ปฏิบัติหน้าที่เวรในวันเกิดเหตุ แต่ไม่ได้ทำหน้าที่ด้วยความรอบคอบ จึงถูกลงโทษตัดเงินเดือนร้อยละ 5 เป็นเวลา 1 เดือน 4.นายอัฐชัย ฤทธิวงศ์ อาสาสมัครศูนย์กีฬา อยู่เวรหอพักในวันเกิดเหตุ ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างรอบคอบ คณะกรรมการเห็นว่าควรตัดเงินเดือนร้อยละ 5 เป็นเวลา 1 เดือน แต่ทางคณะผู้บริหารเห็นว่านายอัฐชัยไม่เคยทำความผิดมาก่อน จึงควรถูกลงโทษภาคทัณฑ์
5.นายณรงค์ สุขประกอบ หัวหน้าศูนย์ฝึกกีฬาเยาวชน ได้รับรายงานการเกิดเหตุพร้อมพยายามแก้ไขสถานการณ์เบื้องต้น เสนอให้ลงโทษภาคทัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารเห็นว่า นายณรงค์ ไม่เหมาะสมกับการดูแลศูนย์ฝึกกีฬา จึงควรให้ย้ายการปฏิบัติหน้าที่จากศูนย์ฝึกกีฬา มาทำหน้าที่ที่สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กทม.โดยระหว่างนี้ได้ให้ นายสุธน โกมลเสน ไปรักษาการผู้อำนวยการเป็นการชั่วคราว และ 6.นายชาตรี วัฎฎานนท์ ผู้อำนวยการกองการกีฬา ทราบเรื่องแต่ไม่ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงกว่า ถือว่าเป็นความผิดทางวินัยเล็กน้อย จึงให้ลงโทษภาคทัณฑ์
นางทยา กล่าวต่อว่า ส่วนการไกล่เกลี่ยค่าทำขวัญล่าสุดทางผู้ปกครองไม่สามารถตกลงกันได้ ทาง กทม.จึงได้นัดให้ผู้ปกครองของเด็กทั้ง 2 ฝ่ายมาเจรจาอีกครั้งในวันที่ 18 ก.ย.นี้ นอกจากนั้นแล้วตนเตรียมที่จะเรียกประชุมผู้บริหาร ครู โรงเรียนกีฬาสังกัด กทม.ทั้ง 3 แห่ง เพื่อกำชับมาตรการดูแลความปลอดภัยของนักเรียนในโรงเรียนกีฬาของ กทม.โดยจะกำชับให้ผู้บริหารเอาใจใส่ยิ่งขึ้น รวมทั้งจะเสนอของบประมาณติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพิ่ม เพื่อให้มีภาพหลักฐานหากเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้น
