ไข้หวัดใหญ่ 2009 ลามต่างจังหวัดฉุดไม่อยู่ ระบาดหนัก 15 จังหวัดเหนือ-อีสาน ยอดผู้ป่วยพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว เร่งประสาน อปท.ทั่วประเทศหนุนมาตรการป้องกันโรค กลุ่มนักเรียนมากที่สุด ห่วงโรงเรียนในสังกัด สพฐ.กว่า 1,000 แห่ง มีปัญหาขาดแคลนน้ำดื่ม น้ำใช้ ส่งผลเด็กไม่มีน้ำล้างมือ ป้องกันโรคสะดุด ด้าน “วิทยา” พอใจผลงานรณรงค์ไข้หวัดใหญ่ 2009 ของ อสม.ส่งตัวผู้มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่พบหมอ กว่า 5 หมื่นคน ในจำนวนนี้อาการรุนแรง 3,705 คน สั่ง อสม.ปฏิบัติต่อเนื่องจนถึงเดือนธันวาคม 2552
วันที่ 1 ก.ย.ที่ จ.ลำปาง นพ.มงคล ณ สงขลา ประธานอนุกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการทำงานป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จ.ลำปาง โดยเฉพาะพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แม่ถอด อ.เถิน ถือเป็นชุมชนตัวอย่างในการจัดการตัวเองป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เนื่องจากพบว่ามีผู้ป่วยจำนวนมากแต่ไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิตแต่อย่างใด
นพ.มงคล กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การระบาดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและภาคอีสานมีอัตราผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ 15 จังหวัด มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยสูงที่สุด ได้แก่ ราชบุรี เชียงใหม่ ลำพูน แพร่ ลำปาง เพชรบูรณ์ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด สุพรรณบุรี นครปฐม และกาญจนบุรี ซึ่งสวนทางกับเขตเมืองและปริมณฑลที่มีอัตราผู้ป่วยชะลอตัวลงแล้ว ทำให้จำเป็นต้องเร่งใช้มาตรการควบคุมโรคอย่างเข็มงวดขึ้น
“หากไม่สามารถหยุดการแพร่ระบาดในพื้นที่ชนบทได้จะทำให้ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.ซึ่งเป็นช่วยปลายฝนต้นหนาว ที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลอยู่แล้ว จะมีความน่ากังวลมาก เพราะพื้นที่ชนบทถือว่าเป็นแนวกันชนที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดระลอก 2 ในเขตเมืองได้อีก แต่หากในชนบทมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นอาจจะส่งผลกระทบทำให้การระบาดของโรคแพร่กลับข้าสู่เขตเมืองอย่างกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้อีกทำให้เกิดการระบาดระลอก 2 ได้”นพ.มงคล กล่าว
นพ.มงคล กล่าวต่อว่า จากการหารือร่วมกันกับ อปท.เห็นได้ว่า มีความพร้อมและการเตรียมตัวเป็นอย่างดีทำให้เชื้อว่าจะสามารถดูแลผู้ป่วยในชุมชนและป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดในรอบ 2 ได้ อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องให้ความรู้อย่างต่อเนื่องทั้งในพื้นที่อื่นๆ แม้ว่าขณะนี้โรงพยาบาลแต่ละแห่งมีความพร้อมในการดูแลประชาชนอยู่แล้ว แต่ประชาชนต้องทราบว่า ควรไปพบแพทย์หรือไม่ และควรไปพบแพทย์เมื่อใด
“นอกจากนี้ ได้รับข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ว่า มีโรงเรียนในสังกัด สพฐ.ประมาณ 1,000 กว่าแห่งทั่วประเทศ มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำดื่ม น้ำใช้ จึงทำให้กังวลว่า อาจส่งผลกระทบต่อการป้องกันโรคไข้หวัดได้ เพราะนักเรียนและครู อาจะไม่มีน้ำใช้ล้างมือได้อย่างเพียงพอ ซึ่งเบื้องต้น จากการตรวจสอบปัญหาขาดแคลนน้ำของโรงเรียนในจ.ลำปาง ซึ่งมีโรงเรียนร้องเรียนว่าขาดแคลนน้ำมากถึง 40 แห่ง พบว่ายังพอมีน้ำดื่ม น้ำใช้เพียงพออยู่ ทั้งนี้ จะมีการตรวจสอบไปยังโรงเรียนในจังหวัดอื่นๆ ด้วย เพื่อเร่งหาทางแก้ปัญหา”นพ.มงคล กล่าว
ศ.พญ.สยมพร ศิรินาวิน หัวหน้าหน่วยโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทย เริ่มมีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นการระบาดไปพร้อมๆ กับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ด้วย โดยอาการป่วยของโรคไข้หวัดใหญ่ทั้ง 2 ชนิด มีอาการคล้ายคลึงกัน แต่มีความแตกต่างกันในเรื่องของการรักษา โดยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 สามารถใช้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ และซานามิเวียร์รักษาหายขาดได้ ขณะที่ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลไม่สามารถใช้ยาทั้ง 2 ชนิดนี้รักษาได้ เพราะเชื้อไวรัสดื้อยาแล้ว 100% ประกอบกับ แพทย์ไม่สามารถตรวจหาเชื้อให้กับผู้ป่วยทุกรายได้ เพราะมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์การระบาดในภาพรวมว่ามีเชื้อไวรัสชนิดใดระบาดอยู่ และแพทย์จะต้องใช้ความ
นายอุดม สุวรรณพิมพ์ นักวิชาการสุขาภิบาล อบต.แม่ถอด กล่าวว่า ตั้งแต่มีการะบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในอ.เถิน มีผู้ป่วยที่ไปพบแพทย์แล้ว 228 ราย ยังไม่มีผู้เสียชีวิต คิดเป็นอันตราป่วย ร้อยละ 09.1 ต่อ แสนประชากร โดยในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยมากที่สุดคือ กลุ่มนักเรียนร้อยละ 70.61 และกลุ่มนักศึกษา ร้อยละ 9.21 โดยมาตรการป้องกันความรุนแรงของโรคที่สำคัญ 3 ก 1 ล คือ ใกล้ตา ใกล้ใจ ใกล้ชิด และ ลุยแก้ปัญหา โดยจัดหน่วยสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคในชุมชน มีระบบเฝ้าระวังโรคอย่างเข้มแข็ง จัดจุดคัดกรองผู้ป่วยทุกโรงเรียน ทุกงานเทศกาล หรือการชุมนุมโดยได้รับความร่วมมือจากประชาชนในชุมชมเป็นอย่างดี ประชาชนสามารถเข้าถึงป้องกันโรคทั้ง หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ได้ง่ายโดยผ่านผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข โรงเรียน ฯลฯ
วันเดียวกัน ที่โรงแรมโนโวเทล จังหวัดระยอง นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังประชุมมอบนโยบาย อสม.ในเขตจังหวัดภาคกลาง ว่า หลังจากสธ.ได้ให้อสม.ทั่วประเทศที่มีกว่า 970,000 คน เป็นแกนนำรณรงค์ให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ และทำการตรวจคัดกรองผู้ที่มีอาการป่วยด้วยไข้หวัดในหมู่บ้านรับผิดชอบ คนละ 10-15 หลังคาเรือน ทุกวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม 2552 เป็นต้นมา พบว่าได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง
“จากรายงานอย่างไม่เป็นทางการใน 61 จังหวัด อสม.ได้ออกเยี่ยมบ้านรวมทั้งหมด 2,307,964 คน ประกอบด้วย ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเป้าหมาย เช่น ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ โรคตับ โรคไต มะเร็ง โรคเลือด หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ คนอ้วน ผู้สูงอายุ จำนวน 1,991,698 คน พบผู้ที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่และส่งตัวไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ 44,258 คน หรือประมาณร้อยละ 2 โดยมีอาการรุนแรง 3,705 คน”นายวิทยา กล่าว
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ส่วนในกลุ่มปกติทั่วไป พบมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ทั้งหมด 316,266 คนในจำนวนนี้มีอาการรุนแรงต้องส่งตัวพบแพทย์ในโรงพยาบาลรวม 10,175 คน รวมแล้วผลการออกปฏิบัติการของอสม.ครั้งนี้ ได้ค้นพบผู้ที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ในหมู่บ้านต่างๆ ที่ต้องส่งตัวเข้าพบแพทย์ในโรงพยาบาลเพื่อตรวจอย่างละเอียดรวมทั้งหมด 54,433 คน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ แต่ทำให้เราสามารถคัดกรองผู้ป่วยในหมู่บ้านไปรักษาและเฝ้าระวังสถานการณ์ในหมู่บ้านได้อย่างทันท่วงที ส่งผลให้สามารถลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยได้เป็นอันมาก โดยได้ขอความร่วมมือให้อสม.ทั่วประเทศ ปฏิบัติการต่อเนื่องไปจนถึงเดือนธันวาคม 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศเริ่มหนาวเย็น และจะประเมินผลต่อไป