จับตามติรัฐสภากรณีพื้นที่พิพาทไทยกัมพูชา 28 ส.ค.นี้ กรมศิลป์ปัดไม่มีเอี่ยวกรณีพิพาท 4.6 ตร.กม. ชี้แค่ทำหน้าที่ศึกษาและดูแลอนุรักษ์โบราณสถาน สระตราว สถูปคู่ แหล่งตัดหิน ผามออีแดง เท่านั้น
นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการ และกลุ่มสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ออกมาคัดค้านการนำวาระร่างข้อตกลงชั่วคราวไทย-กัมพูชา เข้าสู่การพิจารณาขอความเห็นชอบจากรัฐสภาตามมาตรา 190 (2) ในวันศุกร์ที่ 28 ส.ค.ซึ่งหากร่างดังกล่าวผ่านการพิจารณาอาจจะส่งผลต่อกรณีพิพาทดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร ระหว่างไทยและกัมพูชาว่า หากเป็นเรื่องพิจารณากรอบความร่วมมือทั่วไปคงไม่ต้องส่งให้ที่ประชุมรัฐสภา แต่ครั้งนี้เป็นมติบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบันทึกดังกล่าวมีความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องดินแดน เงิน งบประมาณที่ต้องให้สองสภาผ่านความเห็นชอบ อย่างไรก็ตาม กรมศิลปากรไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับพื้นที่พิพาท 4.6 ตร.กม. และตนไม่ทราบเรื่อง เพราะอยู่ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลแหล่งโบราณคดี เช่้น สระตราว สถูปคู่ แหล่งตัดหิน ผามออีแดง มีหน้าที่ศึกษาข้อมูลด้านวิชาการและการอนุรักษ์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาข้อพื้นที่พิพาท ไทย-กัมพูชา มีความสำคัญระหว่างสองประเทศ ดังนั้น การประชุมรัฐสภาในวันที่ 28 ส.ค.นี้จึงเป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง
ส่วนการบริหารจัดการร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา บนพื้นที่พิพาท 4.6 ตร.กม. อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป เพราะปราสาทเขาพระวิหารได้รับยกย่องเป็นมรดกโลก แต่คณะกรรมการปักปันเขตแดนยังไม่มีข้อสรุปเรื่องปักปันเขตดินแดนไทย กัมพูชา อีกทั้งกลุ่มโบราณคดี เช่น สระตราว สถูปคู่ แหล่งตัดหิน ผามออีแดง ที่ยังไม่ได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกพร้อมกับปราสาทเขาพระวิหาร ดังนั้น การบริหารจัดการร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา จึงยังไม่เกิดขึ้น ตนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก หากจะมีการตัดสินใจอะไรลงไป เชื่อว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาถี่ถ้วนแล้ว ทั้งนี้ ในทางการเมือง ไทย กัมพูชายังมีเรื่องขอตกลงดินแดนบนพื้นที่พิพาท 4.6 ตร.กม. ต่างฝ่ายต่างรักษาท่าที แต่ในเชิงวิชาการด้านโบราณคดีนั้นทั้งสองประเทศมีความร่วมมือกันมาโดยตลอด ไม่มีปัญหาต่อกัน
นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการ และกลุ่มสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ออกมาคัดค้านการนำวาระร่างข้อตกลงชั่วคราวไทย-กัมพูชา เข้าสู่การพิจารณาขอความเห็นชอบจากรัฐสภาตามมาตรา 190 (2) ในวันศุกร์ที่ 28 ส.ค.ซึ่งหากร่างดังกล่าวผ่านการพิจารณาอาจจะส่งผลต่อกรณีพิพาทดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร ระหว่างไทยและกัมพูชาว่า หากเป็นเรื่องพิจารณากรอบความร่วมมือทั่วไปคงไม่ต้องส่งให้ที่ประชุมรัฐสภา แต่ครั้งนี้เป็นมติบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบันทึกดังกล่าวมีความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องดินแดน เงิน งบประมาณที่ต้องให้สองสภาผ่านความเห็นชอบ อย่างไรก็ตาม กรมศิลปากรไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับพื้นที่พิพาท 4.6 ตร.กม. และตนไม่ทราบเรื่อง เพราะอยู่ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลแหล่งโบราณคดี เช่้น สระตราว สถูปคู่ แหล่งตัดหิน ผามออีแดง มีหน้าที่ศึกษาข้อมูลด้านวิชาการและการอนุรักษ์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาข้อพื้นที่พิพาท ไทย-กัมพูชา มีความสำคัญระหว่างสองประเทศ ดังนั้น การประชุมรัฐสภาในวันที่ 28 ส.ค.นี้จึงเป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง
ส่วนการบริหารจัดการร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา บนพื้นที่พิพาท 4.6 ตร.กม. อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป เพราะปราสาทเขาพระวิหารได้รับยกย่องเป็นมรดกโลก แต่คณะกรรมการปักปันเขตแดนยังไม่มีข้อสรุปเรื่องปักปันเขตดินแดนไทย กัมพูชา อีกทั้งกลุ่มโบราณคดี เช่น สระตราว สถูปคู่ แหล่งตัดหิน ผามออีแดง ที่ยังไม่ได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกพร้อมกับปราสาทเขาพระวิหาร ดังนั้น การบริหารจัดการร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา จึงยังไม่เกิดขึ้น ตนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก หากจะมีการตัดสินใจอะไรลงไป เชื่อว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาถี่ถ้วนแล้ว ทั้งนี้ ในทางการเมือง ไทย กัมพูชายังมีเรื่องขอตกลงดินแดนบนพื้นที่พิพาท 4.6 ตร.กม. ต่างฝ่ายต่างรักษาท่าที แต่ในเชิงวิชาการด้านโบราณคดีนั้นทั้งสองประเทศมีความร่วมมือกันมาโดยตลอด ไม่มีปัญหาต่อกัน
