แดดร้อนเปรี้ยงๆ แบบนี้ผิวอ่อนๆ บนใบหน้าของคุณสาวๆ หลายคนอาจจะโดนเผาให้เกิดอาการอักเสบได้ ไม่นับรวมไปถึงฝุ่นและมลภาวะที่ทำให้ใบหน้าหมองคล้ำและเกิดสิวฝ้าราคี แถมเศรษฐกิจแบบนี้จะเดินเฉิบๆ เข้าไปขัดหน้า พอกหน้า ดูแลผิวหน้า ตามสปาหน้าทั้งหลายก็ใช่ที่ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร มีของดีจึงมาบอกต่อ
ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว เภสัชกรคนเก่งประจำโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี อันเป็นโรงพยาบาลที่ทั่วไปรู้จักดีในฐานะของโรงพยาบาลที่นำเอาสมุนไพรเข้ามาใช้รักษาคนไข้ควบคู่ไปกับยาแผนปัจจุบันที่ประสบความสำเร็จมากแห่งหนึ่ง บอกเล่าถึงงานวิจัยตัวล่าสุดที่เธอและทีมเภสัชกรกำลังทำอยู่ในขณะนี้ นั่นก็คือ งานวิจัยฤทธิ์การบำรุงผิวหน้าจากพืชผักผลไม้ที่หาง่ายได้ท้องถิ่น
...ดูๆ วัตถุดิบที่นำมาแสดงให้ชมแล้ว งานนี้จะเรียกว่าสปาก้นครัวก็เห็นจะไม่ผิดนัก
ภญ.ผกากรอง อธิบายว่า จากผลการศึกษา พบว่า มีพืชผักผลไม้ท้องถิ่นของไทยหลายชนิดที่ออกฤทธิ์ในการบำรุงผิวหน้าได้ดี อีกทั้งด้วยความเป็นพืชผักที่หาง่าย ราคาจึงถูก ประชาชนสามารถทำได้เอง และไม่เป็นอันตรายเนื่องจากเป็นของธรรมชาติล้วนๆ จึงไม่ทิ้งสารเคมีใดๆ ไว้ให้ก่อพิษต่อร่างกายเลย
“ที่ศึกษาแล้วได้ผลดีมีหลายชนิด ทั้ง ตำลึง บัวบก แครอท มะเขือเทศ ว่านหางจระเข้ แตงกวา กล้วยน้ำว้า นอกจากนี้ ก็จะเป็นส่วนผสมพิเศษอื่นๆ อย่างน้ำผึ้ง น้ำมะนาว มะขามเปียก และข้าวสารข้าวกล้องป่นละเอียด วิธีการเตรียมวัตถุดิบเหล่านี้ก็คือ เลือกชนิดใดชนิดหนึ่งที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าของเรา”
อย่างแตงกวา ก็จะใช้เมื่อผิวหน้าขาดความชุ่มชื่นและมีอาการอักเสบ เนื่องจากแพ้แดด, ตำลึงจะช่วยลดสิวอักเสบได้ดี, กล้วยน้ำว้าจะช่วยลดอาการหน้าแห้งและเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิวหน้า แถมหากเหลือจากทำหน้าแล้ว นำมาหมักผมได้อีกด้วย, มะเขือเทศมีวิตามินบำรุงผิวหลายชนิด และช่วยลดภาวะหน้ามัน, แตงกวาเป็นผักที่ Common มาก ใช้ได้ทั้งหน้าแห้งและหน้ามัน คือหากเป็นคนหน้ามัน แตงกวาจะช่วยลดความมันบนใบหน้า แต่ถ้าหากหน้าแห้ง แตงกวาจะช่วยเพิ่มชุ่มชื่นให้แก่ใบหน้ามากขึ้น ถือว่าสารพัดประโยชน์มาก
“ส่วนว่านหางจระเข้จะช่วยบำรุงผิวหน้า เพิ่มความชุ่มชื่น และลดรอยจุดดำ แต่วิธีนำมาใช้จะยุ่งยากนิดหนึ่ง คือ ต้องเลือกกาบใหญ่ๆ ประมาณฝ่ามือ ฝานปอกเปลือกเขียวให้หมด จากนั้นต้องนำไปล้างยางสีเหลืองออกให้หมด ไม่เช่นนั้นยางที่เหลืองจะกัดผิว และเกิดอาการแพ้ได้”
เภสัชกรเจ้าของผิวหน้าใสๆ ชวนอิจฉารายนี้กล่าวต่อไปว่า เมื่อทราบถึงสภาพผิวหน้าของตัวเองและเลือกพืชผักที่จะนำมาพอกหน้าแล้ว ก็นำพืชผักชนิดนั้นมาปั่นในเครื่องปั่น ใส่น้ำลงไปเล็กน้อยเพื่อลดแรงเสียดทานเพื่อให้ปั่นได้ง่ายขึ้น จำนวนปริมาณของพืชผักไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับขนาดของใบหน้าแต่ละคน กะให้พอที่จะเกลี่ยได้เต็มพื้นที่ผิวหน้า
เมื่อปั่นเสร็จหากมีปัญหาหน้ามันมาก สามารถหยดน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อยเพื่อลดอาการหน้ามัน หรือหากผิวหน้าแห้ง สามารถผสมนมสดหรือน้ำผึ้งลงไปในพืชผักที่ปั่นเรียบร้อยแล้วได้เพื่อช่วยให้ใบหน้าชุ่มชื่นขึ้น และหากมีปัญหาสิวเสี้ยน “สครับธรรมชาติ” อย่าง “ข้าวสารข้าวกล้องป่นละเอียด” ก็เป็นตัวช่วยที่ดีไม่น้อย สามารถผสมลงไปกับส่วนผสมที่ปั่นละเอียด ใช้นวดผิวที่เป็นสิวระหว่างพอกก็ช่วยลดสิวได้
“ขั้นตอนการดูแลผิวหน้าด้วยสปาธรรมชาตินี้ต้องทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการทำความสะอาด หรือคลีนซิ่ง และการผลัดเซลล์ผิว เพราะหากไม่ผลัดเซลล์ผิว การบำรุงจะเข้าไม่ถึงเซลล์ผิวหน้าด้านใน เริ่มจากการทำความสะอาดใบหน้าด้วยเจล หรือโฟมล้างหน้าที่ใช้อยู่เป็นประจำ จากนั้นผลัดเซลล์ผิวด้วยน้ำมะขามเปียกข้น ด้วยการนำมะขามเปียกมาผสมน้ำ คั้นน้ำออกมาให้ข้นๆ แล้วพอกบริเวณใบหน้า
น้ำมะขามเปียกเป็นกรดอ่อนๆ มีฤทธิ์กัดเซลล์ผิวที่ตายให้หลุดออก ขั้นตอนนี้อาจจะมีอาการคันยิบๆ บ้างเนื่องจากน้ำมันขามจะเข้าไปผลัดเซลล์ผิว หากคันมากพอกไว้แค่ 1 นาที หากไม่คันมากนักพอทนไหวก็พอกไว้ประมาณ 2-3 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด”
ภญ.ผกากรอง อธิบายต่อว่า หลังจากผลัดเซลล์ผิวด้วยมะขามเปียกแล้วก็ถึงคราวพระเอกของการบำรุง ซึ่งก็คือพืชผักที่เราเลือกและปั่นเอาไว้ นำมาทาพอกไว้บนใบหน้า เกลี่ยไปทั่วใบหน้าด้วยพู่กัน และด้วยความเป็นธรรมชาติแบบไร้ซึ่งสารเคมีของพืชผักที่นำมาพอก ทำให้คุณสาวๆ สามารถพอกมันได้ตลอดทั้งวันตามสะดวก หากมีเวลามากก็พอกได้เช้าจรดเย็นโดยไม่เป็นอันตราย เมื่อจะล้างออกก็ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ใช้อยู่ประจำล้างตามปกติ
...ยิ่งพอกยิ่งใส ยิ่งพอกยิ่งสวย แถมประหยัดด้วยพืชผักสวนครัว...งานนี้ไม่ลองทำไม่ได้แล้ว...
ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว เภสัชกรคนเก่งประจำโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี อันเป็นโรงพยาบาลที่ทั่วไปรู้จักดีในฐานะของโรงพยาบาลที่นำเอาสมุนไพรเข้ามาใช้รักษาคนไข้ควบคู่ไปกับยาแผนปัจจุบันที่ประสบความสำเร็จมากแห่งหนึ่ง บอกเล่าถึงงานวิจัยตัวล่าสุดที่เธอและทีมเภสัชกรกำลังทำอยู่ในขณะนี้ นั่นก็คือ งานวิจัยฤทธิ์การบำรุงผิวหน้าจากพืชผักผลไม้ที่หาง่ายได้ท้องถิ่น
...ดูๆ วัตถุดิบที่นำมาแสดงให้ชมแล้ว งานนี้จะเรียกว่าสปาก้นครัวก็เห็นจะไม่ผิดนัก
ภญ.ผกากรอง อธิบายว่า จากผลการศึกษา พบว่า มีพืชผักผลไม้ท้องถิ่นของไทยหลายชนิดที่ออกฤทธิ์ในการบำรุงผิวหน้าได้ดี อีกทั้งด้วยความเป็นพืชผักที่หาง่าย ราคาจึงถูก ประชาชนสามารถทำได้เอง และไม่เป็นอันตรายเนื่องจากเป็นของธรรมชาติล้วนๆ จึงไม่ทิ้งสารเคมีใดๆ ไว้ให้ก่อพิษต่อร่างกายเลย
“ที่ศึกษาแล้วได้ผลดีมีหลายชนิด ทั้ง ตำลึง บัวบก แครอท มะเขือเทศ ว่านหางจระเข้ แตงกวา กล้วยน้ำว้า นอกจากนี้ ก็จะเป็นส่วนผสมพิเศษอื่นๆ อย่างน้ำผึ้ง น้ำมะนาว มะขามเปียก และข้าวสารข้าวกล้องป่นละเอียด วิธีการเตรียมวัตถุดิบเหล่านี้ก็คือ เลือกชนิดใดชนิดหนึ่งที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าของเรา”
อย่างแตงกวา ก็จะใช้เมื่อผิวหน้าขาดความชุ่มชื่นและมีอาการอักเสบ เนื่องจากแพ้แดด, ตำลึงจะช่วยลดสิวอักเสบได้ดี, กล้วยน้ำว้าจะช่วยลดอาการหน้าแห้งและเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิวหน้า แถมหากเหลือจากทำหน้าแล้ว นำมาหมักผมได้อีกด้วย, มะเขือเทศมีวิตามินบำรุงผิวหลายชนิด และช่วยลดภาวะหน้ามัน, แตงกวาเป็นผักที่ Common มาก ใช้ได้ทั้งหน้าแห้งและหน้ามัน คือหากเป็นคนหน้ามัน แตงกวาจะช่วยลดความมันบนใบหน้า แต่ถ้าหากหน้าแห้ง แตงกวาจะช่วยเพิ่มชุ่มชื่นให้แก่ใบหน้ามากขึ้น ถือว่าสารพัดประโยชน์มาก
“ส่วนว่านหางจระเข้จะช่วยบำรุงผิวหน้า เพิ่มความชุ่มชื่น และลดรอยจุดดำ แต่วิธีนำมาใช้จะยุ่งยากนิดหนึ่ง คือ ต้องเลือกกาบใหญ่ๆ ประมาณฝ่ามือ ฝานปอกเปลือกเขียวให้หมด จากนั้นต้องนำไปล้างยางสีเหลืองออกให้หมด ไม่เช่นนั้นยางที่เหลืองจะกัดผิว และเกิดอาการแพ้ได้”
เภสัชกรเจ้าของผิวหน้าใสๆ ชวนอิจฉารายนี้กล่าวต่อไปว่า เมื่อทราบถึงสภาพผิวหน้าของตัวเองและเลือกพืชผักที่จะนำมาพอกหน้าแล้ว ก็นำพืชผักชนิดนั้นมาปั่นในเครื่องปั่น ใส่น้ำลงไปเล็กน้อยเพื่อลดแรงเสียดทานเพื่อให้ปั่นได้ง่ายขึ้น จำนวนปริมาณของพืชผักไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับขนาดของใบหน้าแต่ละคน กะให้พอที่จะเกลี่ยได้เต็มพื้นที่ผิวหน้า
เมื่อปั่นเสร็จหากมีปัญหาหน้ามันมาก สามารถหยดน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อยเพื่อลดอาการหน้ามัน หรือหากผิวหน้าแห้ง สามารถผสมนมสดหรือน้ำผึ้งลงไปในพืชผักที่ปั่นเรียบร้อยแล้วได้เพื่อช่วยให้ใบหน้าชุ่มชื่นขึ้น และหากมีปัญหาสิวเสี้ยน “สครับธรรมชาติ” อย่าง “ข้าวสารข้าวกล้องป่นละเอียด” ก็เป็นตัวช่วยที่ดีไม่น้อย สามารถผสมลงไปกับส่วนผสมที่ปั่นละเอียด ใช้นวดผิวที่เป็นสิวระหว่างพอกก็ช่วยลดสิวได้
“ขั้นตอนการดูแลผิวหน้าด้วยสปาธรรมชาตินี้ต้องทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการทำความสะอาด หรือคลีนซิ่ง และการผลัดเซลล์ผิว เพราะหากไม่ผลัดเซลล์ผิว การบำรุงจะเข้าไม่ถึงเซลล์ผิวหน้าด้านใน เริ่มจากการทำความสะอาดใบหน้าด้วยเจล หรือโฟมล้างหน้าที่ใช้อยู่เป็นประจำ จากนั้นผลัดเซลล์ผิวด้วยน้ำมะขามเปียกข้น ด้วยการนำมะขามเปียกมาผสมน้ำ คั้นน้ำออกมาให้ข้นๆ แล้วพอกบริเวณใบหน้า
น้ำมะขามเปียกเป็นกรดอ่อนๆ มีฤทธิ์กัดเซลล์ผิวที่ตายให้หลุดออก ขั้นตอนนี้อาจจะมีอาการคันยิบๆ บ้างเนื่องจากน้ำมันขามจะเข้าไปผลัดเซลล์ผิว หากคันมากพอกไว้แค่ 1 นาที หากไม่คันมากนักพอทนไหวก็พอกไว้ประมาณ 2-3 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด”
ภญ.ผกากรอง อธิบายต่อว่า หลังจากผลัดเซลล์ผิวด้วยมะขามเปียกแล้วก็ถึงคราวพระเอกของการบำรุง ซึ่งก็คือพืชผักที่เราเลือกและปั่นเอาไว้ นำมาทาพอกไว้บนใบหน้า เกลี่ยไปทั่วใบหน้าด้วยพู่กัน และด้วยความเป็นธรรมชาติแบบไร้ซึ่งสารเคมีของพืชผักที่นำมาพอก ทำให้คุณสาวๆ สามารถพอกมันได้ตลอดทั้งวันตามสะดวก หากมีเวลามากก็พอกได้เช้าจรดเย็นโดยไม่เป็นอันตราย เมื่อจะล้างออกก็ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ใช้อยู่ประจำล้างตามปกติ
...ยิ่งพอกยิ่งใส ยิ่งพอกยิ่งสวย แถมประหยัดด้วยพืชผักสวนครัว...งานนี้ไม่ลองทำไม่ได้แล้ว...