เอ็นจีโอเตรียมตบเท้าเข้าพบ “วิทยา” หนุนให้ออกโรง หารือบริษัทยา ขอลดราคารักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและโรครูมาตอยด์ ริทูซิแม็บลงอีก ชี้ราคายังไม่คลอบคลุมรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว จี้ทำซีแอลหากคุยไม่รู้เรื่อง
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ในวันที่ 19 สิงหาคม เวลา 10.00 น.ที่กระทรวงสาธารณสุข ตนพร้อมกับเครือข่ายผู้ป่วยโรคมะเร็งและผู้ป่วยโรคเรื้อรังจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อหารือปัญหาการเข้าถึงยาจำเป็นรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและโรครูมาตอยด์ ริทูซิแม็บ (Rituximab) เนื่องจากกระบวนการเจรจาต่อรองราคายาโดยคณะทำงานต่อรองราคายาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นและมีปัญหาการเข้าถึงประชาชนในระบบหลักประกันสุขภาพ ที่มี นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เป็นประธาน ได้รับการยืนกรานจากบริษัทยาว่าไม่สามารถลดราคาได้อีก รมว.สาธารณสุข จึงควรแสดงภาวะผู้นำโดยใช้อำนาจที่มีเพื่อเจรจาต่อรองกับบริษัทยา และหากไม่สามารถเจราจาได้สำเร็จก็ขอเรียกร้องให้มีการนำมาตรการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) มาพิจารณาใช้ควบคู่กัน
“หากบริษัทยาสามารถลดราคายาเหลือ 22,000 บาทต่อเข็ม จะเป็นราคาที่บริษัทยังคงได้กำไร ขณะเดียวกัน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ก็มีกำลังพอที่จะสามารถจ่ายได้ ประชาชนได้ประโยชน์ เพราะชัดเจนแล้วว่า หากผู้ป่วยโดยเฉพาะโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเมื่อได้รับยาดังกล่าวอัตราการรอดชีวิตและหายเป็นปกติมีสูงมากกว่า 50% แต่เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงยาได้ทำให้ต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก”นายนิมิตร์ กล่าว
นายนิมิตร์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา มีการเจรจาต่อรองแล้วหลายครั้งผลการเจรจาครั้งล่าสุดบริษัทยายินยอมลดราคายาในการรักษาโรครูมาตอยด์ต่อการรักษาครบชุด หรือต่อยาฉีด 4 เข็ม ไม่เกิน1.4 แสนบาทต่อคน ซึ่งเท่ากับ 1 ดัชนีมวลรวมของภายในประเทศ (จีดีพี) เป็นราคาที่พอรับได้ แต่ราคาดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมการรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว เนื่องจากการรักษาครบชุดต้องใช้ยาฉีดทั้งหมด 6 เข็ม ทำให้ค่าใช่จ่ายสูงกว่าโรครูมาตอยด์
“ยาริทูซิแม็บเป็นยาฉีดราคาประมาณ 27,000 บาทต่อ1 เข็ม สำหรับรักษาโรครูมาตอยด์ครบชุดจำนวน 4 เข็มจะอยู่ที่ประมาณ 108,000 บาทต่อคน ขณะที่การรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวครบชุดจะต้องใช้ยาฉีดทั้งหมด 6 เข็ม ซึ่งค่าใช้จ่ายจะเท่ากับ 162,000 บาทต่อคน ซึ่งสูงกว่าเงินงบประมาณที่จะใช้ในการดูแลสุขภาพประชาชน ดังนั้น บริษัทยาควรจะลดราคายาเพื่อให้การรักษาครอบคลุมได้ทั้ง 2 โรค” นายนิมิตร์ กล่าว