“สมเกียรติ” ทำหนังสือถึงประธาน กมธ.การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ขอเสนอญัตติเพื่อบรรจุเป็นระเบียบวาระให้ใช้อำนาจออกคำสั่งเรียกเอกสารและ คณะกรรมการ สกสค.คณะกรรมการ ช.พ.ค.ธนาคารออมสิน และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย มาตรวจสอบโครงการ ช.พ.ค.5 หลังครูยื่นเรื่องร้องอื้อ
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา ตนได้ทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ในเรื่อง ความเดือดร้อนของครูผู้กู้เงินในโครงการเงินกู้ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และธนาคารออมสิน จึงขอเสนอญัตติเพื่อบรรจุเป็นระเบียบวาระของ กมธ.การศึกษา สภาผู้แทนฯ ใช้อำนาจออกคำสั่งเรียกเอกสารและเรียกบุคคลมาชี้แจงข้อเท็จจริงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 135 ดังนี้ 1.คณะกรรมการ สกสค.คณะกรรมการ ช.พ.ค.ธนาคารออมสิน และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย 2.เอกสารกู้ยืมโครงการพัฒนาชีวิตครูและโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.ทั้งในส่วนจำนวนผู้กู้ จำนวนเงินกู้ หลักฐานเอกสารรายรับ และรายจ่ายเงินสนับสนุนพิเศษและข้อมูลการทำประกันภัยของผู้เข้าร่วมโครงการ และ 3.แบบฟอร์มการขอกู้เงินโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.โครงการ 5
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ตนยังได้ระบุในหนังสือด้วยว่า มีข้อร้องเรียนจากครูและบุคลากรทางการศึกษาจำนวนมากและต่อเนื่อง ความว่าสำนักงาน สกสค.โดยคณะกรรมการ ช.พ.ค.ได้ร่วมกับธนาคารออมสิน จัดโครงการสินเชื่อเงินกู้ให้กับสมาชิก ช.พ.ค.เพิ่มยอดจากรายละ 200,000 บาท เป็น 600,000 บาท โดยบังคับให้ทำประกันภัยมีมูลค่ารวมกว่า 6,000 ล้านบาท และการหักเงินกู้เพื่อนำไปลงทุน ทำให้เกิดความเดือดร้อนอย่างมาก ทั้งๆ ที่ สกสค.มีหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อส่งเสริมสวัสดิการของครูและบุคลากรทางการศึกษา ณ วันนี้สำนักงาน สกสค.ยังเดินหน้าหักเงินจากครูและสมาชิก ช.พ.ค.โดยมิได้สนใจความเดือดร้อนและผลกระทบต่อชีวิตครูและครอบครัว
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา ตนได้ทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ในเรื่อง ความเดือดร้อนของครูผู้กู้เงินในโครงการเงินกู้ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และธนาคารออมสิน จึงขอเสนอญัตติเพื่อบรรจุเป็นระเบียบวาระของ กมธ.การศึกษา สภาผู้แทนฯ ใช้อำนาจออกคำสั่งเรียกเอกสารและเรียกบุคคลมาชี้แจงข้อเท็จจริงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 135 ดังนี้ 1.คณะกรรมการ สกสค.คณะกรรมการ ช.พ.ค.ธนาคารออมสิน และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย 2.เอกสารกู้ยืมโครงการพัฒนาชีวิตครูและโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.ทั้งในส่วนจำนวนผู้กู้ จำนวนเงินกู้ หลักฐานเอกสารรายรับ และรายจ่ายเงินสนับสนุนพิเศษและข้อมูลการทำประกันภัยของผู้เข้าร่วมโครงการ และ 3.แบบฟอร์มการขอกู้เงินโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.โครงการ 5
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ตนยังได้ระบุในหนังสือด้วยว่า มีข้อร้องเรียนจากครูและบุคลากรทางการศึกษาจำนวนมากและต่อเนื่อง ความว่าสำนักงาน สกสค.โดยคณะกรรมการ ช.พ.ค.ได้ร่วมกับธนาคารออมสิน จัดโครงการสินเชื่อเงินกู้ให้กับสมาชิก ช.พ.ค.เพิ่มยอดจากรายละ 200,000 บาท เป็น 600,000 บาท โดยบังคับให้ทำประกันภัยมีมูลค่ารวมกว่า 6,000 ล้านบาท และการหักเงินกู้เพื่อนำไปลงทุน ทำให้เกิดความเดือดร้อนอย่างมาก ทั้งๆ ที่ สกสค.มีหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อส่งเสริมสวัสดิการของครูและบุคลากรทางการศึกษา ณ วันนี้สำนักงาน สกสค.ยังเดินหน้าหักเงินจากครูและสมาชิก ช.พ.ค.โดยมิได้สนใจความเดือดร้อนและผลกระทบต่อชีวิตครูและครอบครัว