เครือข่ายผู้บริหาร-ครู กศน.ออกโรงต้านฎีกาช่วย “นช.ทักษิณ” จวกไม่เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย ระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาล มีมติสอดคล้องกัน ออกแถลงการณ์ให้ความรู้ประชาชนทั่วประเทศให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ตั้งโต๊ะให้คนกลับใจถอนชื่อออกจากการถวายฎีกา และให้ลงชื่อคัดค้านสำหรับคนไม่เห็นด้วย จี้แกนนำเสื้อแดงยุติการล่าชื่อ ชี้สังคมเคลือบแคลงเจตนาเบื้องหลัง เพราะการถวายฎีกาพระราชทานอภัยโทษไม่เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ชวน ปชช.แสดงออกต้านถวายฎีกา
เมื่อเวลา 10.00 น. (6 ส.ค.) ที่ห้องจิตรลดา รร.เอสดีอเวนิว ปิ่นเกล้า สมาคมส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิตไทย (สศชท.) ชมรมผู้บริหารสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) และเครือข่าย กศน.ประมาณ 50 คน นำโดยนาย ทวีศักดิ์ วิศิษฎางกูร นายก สศทช. ร่วมกันออกแถลงการณ์โดยมีใจความว่า
ตามที่คณะกลุ่มเสื้อแดงได้มีการรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กรณีต้องโทษอาญานั้น สมาคมส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิตไทย ชมรมผู้บริการ กศน. และเครือข่าย กศน.ทั่วประเทศ ได้ประชุมร่วมกัน มีมติสอดคล้องกันเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นไปตามกระบวนการกฎหมายการขอพระราชทานอภัยโทษ คณะจึงมีความเห็นและข้อเสนอทางออกเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินวันนี้
1.ขอให้ยับยั้งการถวายฎีกา เพื่อมิให้เป็นการระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคบาท 2.สมาคม ชมรมผู้บริหาร และเครือข่าย กศน.จะร่วมกันรณรงค์ ให้ความรู้แก่ประชาชน ที่ร่วมลงชื่อ เพื่อการขอถวายฎีกาไปแล้ว ให้มีความรู้ความเข้าใจ ถึงหลักการและขบวนการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ รวมทั้งการถอนชื่อ 3.ขอให้ชมรมผู้บริหาร กศน. และเครือข่าย กศน.รณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนทั่วประเทศ ให้เข้าถึงองค์ความรู้ข้อกฎหมายว่าด้วยการพระราชทานอภัยโทษอย่างถ่องแท้ทั่วถึง เพื่อการปฏิบัติอย่างถูกต้อง รวมทั้งการลงชื่อคัดค้านการถวายฎีกาครั้งนี้
ท้ายแถลงการณ์ ลงชื่อ นายทวีศักดิ์ นายบุญติ่ง อุ่นแก้ว ประธานชมรมผู้บริหารสถานศึกษา กศน.(ประเทศไทย) และนายวรวิทย์ สุระโครต ชมรมเครือข่าย กศน. เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต
นายทวีศักดิ์กล่าวว่า เครือข่าย กศน.ทั่วประเทศ ได้พูดคุยกันถึงการล่ารายชื่อเพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีที่ต้องโทษคดีอาญา และเกิดความไม่สบายใจ เพราะเห็นว่าเป็นการสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในประเทศ อีกทั้งกระบวนการในการล่ารายชื่อหลายฝ่ายก็บอกตรงกันแล้วว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังเป็นการกระทำที่ระคายเบื้องพระยุคลบาท เพราะมีการดำเนินการกันทั่วประเทศ และเป็นเรื่องการเมืองที่ไม่ควรดึงเอาสถาบันสูงสุดที่ประชาชนไทยเคารพรักมาเกี่ยวข้อง เครือข่าย กศน.จึงมีมติร่วมกันว่าจะร่วมกันสร้างความรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ เกี่ยวกับกระบวนการถวายฎีกาที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดย กศน.มีเครือข่ายทั่วประเทศในชุมชนต่างๆกว่า 1 ล้านคน อาทิ ครู กศน. ครูอาสา เป็นต้น จะกระจายกันออกไปให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง เพราะการให้ความรู้กับประชาชน ถือเป็นหน้าที่ที่ กศน.ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการศึกษาควรกระทำอยู่แล้ว และการออกมาทำกิจกรรมครั้งนี้จะเป็นการรณรงค์สร้างความเข้าใจ ไม่มีการบังคับ โดยไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแต่เป็นความเคลื่อนไหวเพื่อโดยบริสุทธ์ใจของเครือข่าย กศน.ทั่วประเทศ
“ผู้ที่ร่วมลงชื่อถวายฎีกาหลายคนยังขาดความเข้าใจ หรือเข้าใจผิดเกี่ยวกับการถวายฎีกา ดังนั้น นอกจากเครือข่าย กศน.จะออกรณรงค์ให้ความรู้แล้ว จะจัดโต๊ะให้ผู้ที่เคยร่วมลงชื่อถวายฎีกาไปแล้ว ลงชื่อขอถอนสนับสนุนการถวายฎีกา และในส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยก็ให้ลงชื่อคัดค้านการถวายฎีกาด้วย ส่วนแกนนำที่ล่ารายชื่อประชาชนเพื่อถวายฎีกานั้น ขอให้ยุติการกระทำดังกล่าวเสีย เพราะการขอพระราชทานอภัยโทษให้กับบุคคลนั้น บุคคลผู้นั้นต้องยอมรับโทษ และสำนึกต่อความผิดที่กระทำลงไปเสียก่อน โดยผู้ที่ใกล้ชิดหรือตัวผู้รับโทษเองเป็นผู้ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ไม่ต้องให้ประชาชนจำนวนมากมาร่วมลงชื่อ การที่แกนนำยังดำเนินการล่ารายชื่ออยู่นั้น ทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยว่ามีเจตนาอะไรอยู่เบื้องหลัง สร้างความไม่สบายใจให้กับประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งแกนนำจะต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ มีความถูกต้องชอบธรรมหรือยังดำเนินการอยู่”
สศชท.ระบุอีกว่า เครือข่าย กศน.ทั่วประเทศจะมีการหารือร่วมกันอีกครั้งถึงแนวทางการออกรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ในวันที่ 10 ส.ค. เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง เหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ นายทวีศักดิ์ได้จัดทำสติกเกอร์ข้อความ “หยุดล่าชื่อถวายฎีกา” มาแจกให้ผู้ร่วมแถลงการณ์ด้วย โดยกล่าวว่าสติกเกอร์ดังกล่าวจัดทำมาประมาณ 30 แผ่นเท่านั้น เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับเครือข่ายฯ หากผู้ใดสนใจจะนำไปจัดพิมพ์เผยแพร่ต่อก็สามารถกระทำได้ แต่ในส่วนของเครือข่าย กศน.ไม่ได้พิมพ์แจกเนื่องจากเป็นการรวมตัวของบุคลากรทางการศึกษาไม่ได้มีงบประมาณในเรื่องนี้ ซึ่งหากประชาชนต้องการแสดงออกร่วมกันก็อาจจะเขียนในกระดาษ ผ้า หรืออุปกรณ์อื่นๆ ตามความเหมาะสม แล้วติดแสดงไว้ตามที่ต่างๆ เพื่อร่วมรณรงค์ในเรื่องดังกล่าวก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้สติกเกอร์
