xs
xsm
sm
md
lg

“หมอเกษม” ชี้มหา’ลัยที่พึ่งสุดท้ายคลายวิกฤต สับทำตัวอีแอบ ระวังไม่มีใครเชื่อถือ!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี
“หมอเกษม” ชี้ มหาวิทยาลัยที่พึ่งสุดท้ายช่วยคลายปัญหาสังคม แนะเสนอทางเลือก ชี้ทางแก่สาธารณะ สับหากทำตัวเป็นอีแอบของใคร พรรคใด ระวังไม่มีใครเชื่อถือ

วันนี้ (1 ส.ค.) ที่มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) จัดประชุมวิชาการเรื่อง “ระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา” (Admission) ซึ่งจัดขึ้นเป็นวันที่ 2 โดยวันนี้ในช่วงเช้า ศาสตราจารย์ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี กล่าวในการบรรยายพิเศษเรื่อง “มหาวิทยาลัยกับบทบาททางสังคม” ตอนหนึ่งว่า หน้าที่ของมหาวิทยาลัยไม่ใช่เพียงแค่สอนหนังสือเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีการส่งเสริมการทำวิจัย ให้เกิดปัญญา ชี้ ทางสังคมให้รู้แจ้งเห็นจริง ตรงนี้อาจารย์ที่ทำก็จะได้กับตัวเอง หากการวิจัยนั้นเห็นแก่ประโยชน์ของตนเองก็จะทำให้สังคมหลงทาง ดังนั้นการวิจัยต้องมีความสุขในการค้นพบเทคโนโลยีใหม่ๆ
 
ส่วนการผลิตบัณฑิต ต้องได้บัณฑิตที่พึงประสงค์ ทุกมหาวิทยาลัยต้องกำหนดให้ได้ว่าบัณฑิตที่จบออกไปนั้นจะต้องมีคาแรกเตอร์อย่างไร เพื่อจะสามารถบ่งบอกความเป็นบัณฑิตของมหาวิทยาลัยนั้น และความรู้ที่บัณฑิตได้มาจากมหาวิทยาลัยต้องนำมาใช้ในการบริการสังคม ช่วยเพิ่มสมรรถนะ ประสิทธิภาพในการทำงานให้ได้ อีกทั้งมหาวิทยาลัยต้องสร้างนโยบายที่ชัดเจนในการเชิดชูวัฒนธรรรมไทย อีกทั้งมหาวิทยาลัยต้องมีหน้าที่ในการช่วยสนับสนุนการศึกษาระดับอื่นด้วย เช่น การพัฒนาครู และมหาวิทยาลัยต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อกรณีสิ่งแวดล้อมของโลก

“มหาวิทยาลัยต้องเสนอทางเลือกให้สาธารณะ ต้องช่วยชี้ทางให้ให้สังคมรู้แจ้งเห็นจริง ต้องเป็นอิสระ เป็นกลาง ไม่เป็นนอมินี หรืออีแอบ ของใคร ต้องมีคุณค่าในการเสนอนโยบายต่อสาธารณะ ถ้าหากมหาวิทยาลัยเองเข้าข้างคนนั้น พรรคนี้ ต่อไปก็จะไม่มีใครฟัง และต้องช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในสังคม ไม่ใช่สร้างปัญหาให้แก่สังคมเอง และหวังว่ามหาวิทยาลัยจะเป็นที่พึ่ง แหล่งความรู้และความเห็นสุดท้ายของสังคมในการแก้ปัญหาสังคมต่อไป” นพ.เกษม กล่าว

ศ.นพ.เกษม กล่าวต่อว่า ในส่วนความสับสนของปัญหาในการรับบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมากจากการไม่ประสานงานกันของผู้บริหารการศึกษา ทั้งระดับนโยบายและปฏิบัติ ผลที่เกิดคือ 1.นักเรียนแต่ละคนต้องวิ่งสอบหลายครั้ง 2. มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งต้องจัดสอบ คัดเลือกหลายครั้งในแต่ละปี อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง เป็นผลให้ต้องประกาศที่นั่งสำรองเยอะ มีเด็กสละสิทธิ์กันมาก และได้ผู้เรียนไม่ครบตามที่ประกาศทำให้ เสียเงิน เสียเวลา เสียของ ส่วนการแก้ปัญหานี้คือต้องร่วมกันแก้ทั้งระบบใหญ่ หรือแต่ละกลุ่มต่างแก้ปัญหาของกลุ่ม และต้องมีการแยกกการวัดผลทางการศึกษาระดับชาติ(NT) ออกจากระบบการรับนักศึกษาเข้าในมหาวิทยาลัย แต่กระบวนการรับเข้าศึกษานั้นควรใช้ผล NT ในช่วงชั้นที่ 4 (ม.4-6) ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ทปอ.ร่วมลงชื่อส่งหนังสือต่อราชเลขาธิการ สำนักพระราชวังขอให้ใช้ดุลยพินิจยับยั้งไม่นำฎีกาที่เป็นเรื่องการเมืองโดยตรงถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นั้น ศ.นพ.เกษม กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล เมื่อถามต่อว่าการที่กลุ่มอธิการบดีต่างๆ ยืนถวายฎีกาจะทำให้เกิดความปรองดองขึ้นในสังคมได้หรือไม่ องคมนตรี กล่าวต่อว่า ไม่ขอตอบเรื่องการเมืองและไม่ขอตอบเรื่องการถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
กำลังโหลดความคิดเห็น