26 อธิการบดี ม.รัฐเหลืออด ลงชื่อค้านเสื้อแดงขออภัยโทษ “นช.แม้ว” ส่งสำนักพระราชวังใช้ดุลพินิจยับยั้งไม่นำฎีกาขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย พร้อมแจง 5 เหตุผลที่มิบังควร ชี้เป็นการกระทำที่ไม่สุจริต ไม่มีฐานทางกฎหมายรองรับ ไม่ถูกต้องด้วยโบราณราชนิติประเพณี และเป็นเรื่องที่มุ่งหมายให้พระมหากษัตริย์ก้าวล่วงเข้าไปใช้อำนาจแทนตุลาการโดยตรง ฟันธงไม่อาจกระทำได้ตามกฎหมาย เตรียมประสานทุกมหาวิทยาลัยร่วมลงชื้อคัดค้าน
วันนี้ (31 ก.ค.) ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กล่าวว่า ตามที่มีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งชักชวนและโฆษณาให้ประชาชนจำนวนมากร่วมลงชื่อในฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และได้มีประชาชนจำนวนมากมีความเข้าใจว่าการดำเนินการเป็นพระราชอำนาจที่จะวินิจฉัยในการอภัยโทษได้ และได้ร่วมกันลงชื่อเพราะเชื่อโดยสุจริตว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตในฐานะข้าแผ่นดินที่จะขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในเรื่องดังกล่าวให้มีการพระราชทานอภัยโทษเพื่อให้ปัจจัยของการขัดแย้งทางการเมืองบางส่วนได้ยุติลงนั้น
ขณะนี้ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรัฐทั้ง 26 แห่ง อาทิ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง อธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพา อธิการบดีมหาวิทยาลัยทักษิณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนม อธิการบดีมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้ร่วมลงชื่อคัดค้านการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษดังกล่าว โดยมองว่ามหาวิทยาลัยน่าจะมีส่วนช่วยชี้นำสังคม และหาทางออกโดยใช้หลักวิชาการเป็นตัวกลาง ไม่ใส่ความรู้สึก
“หากสังคมมองว่าการดำเนินการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษดังกล่าวเป็นความไม่ถูกต้อง หากมองด้วยเหตุผล ไม่ได้โจมตีที่ตัวบุคคลสังคมจึงน่าจะเข้าใจการกระทำของ ทปอ.ในการเรียกร้องครั้งนี้ เพราะจริงๆ แล้ว ทปอ.ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือต้องการให้ใครแพ้ชนะ แต่สิ่งที่ทปอ.ทำ ล้วนมีเหตุผลทางวิชาการรองรับ ซึ่งจากนี้ไป ทปอ.จะได้ดำเนินการประสานไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล และมหาวิทยาลัยเอกชนทั่วประเทศ ที่มีความเห็นสอดคล้องกันร่วมลงชื่อคัดค้าน พร้อมเตรียมส่งหนังสือขอให้ยับยั้งไม่นำฎีกาที่เป็นเรื่องการเมืองโดยตรงถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี้ไปยังราชเลขาธิการ สำนักพระราชวังต่อไป” ประธาน ทปอ.กล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในส่วนของคณาจารย์จุฬาฯ ได้มีการพูดคุยกันและเห็นตรงกันให้ทำหนังสืออีกฉบับ ไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการเรียกร้องเรื่องดังกล่าวด้วย
สำหรับหนังสือจาก ทปอ.ที่ส่งถึงราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง เพื่อ “ขอให้ใช้ดุลยพินิจยับยั้งไม่นำฎีกาที่เป็นเรื่องการเมืองโดยตรงถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” นั้นมีรายละเอียดว่า ตามที่ปรากฏโดยทั่วไปว่าขณะนี้ได้มีกลุ่มนักการเมืองริเริ่มชักชวนและรณรงค์ให้ประชาชนจำนวนมากร่วมลงลายมือชื่อเพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นเหตุดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่สุจริต ไม่มีฐานทางกฎหมายรองรับ และไม่ถูกต้องด้วยโบราณราชนิติประเพณี ทั้งจะเป็นการนำประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองไปสู่สถาบันสูงสุดของชาติ โดยมีเหตุผลดังต่อไปนี้
1.ฎีกาดังกล่าวมิใช่ฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 259-267 และขัดต่อพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 23 ที่ห้ามมิให้ถวายฎีกาเพื่อคัดค้านคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ได้พิจารณาเสร็จเด็ดขาดแล้ว และมิใช่ฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งผู้ขอจะต้องเป็นผู้ถูกพิพากษาลงโทษหรือบุคคลในครอบครัว และไม่มีช่องทางใดที่พระมหากษัตริย์จะทรงพระราชทานอภัยโทษตามที่ฎีกาดังกล่าวร้องขอได้
2.ฎีกาดังกล่าวมิใช่ฎีการ้องทุกข์เพื่อขอความเป็นธรรม ซึ่งอาจกระทำได้ตามโบราณราชนิติประเพณี ซึ่งจะต้องเป็นการขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณเพื่อให้มีความช่วยเหลือหรือบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ถวายฎีกาอันเป็นความทุกข์ยากเดือดร้อนโดยส่วนตัวของผู้ถวายฎีกาเอง หากแต่เป็นการถวายฎีกาที่มีความมุ่งหมายให้พระราชทานอภัยโทษแก่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมิใช่ผู้ขอถวายฎีกา
3.ฎีกาดังกล่าวฎีกาที่มุ่งประสงค์ทำให้พระมหากษัตริย์ใช้พระราชอำนาจก้าวล่วงองค์กรผู้ใช้อำนาจอธิปไตย โดยขอให้พระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งศาลฏีกามีคำสั่งเด็ดขาดแล้วให้จำคุก และยังคงมีคดีค้างอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฏีกาอีกหลายคดี ที่อยู่ระหว่างการสืบพยานและทั้งที่ศาลได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว และได้ออกหมายจับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อไป ทั้งยังมีคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการเพื่อรอส่งฟ้องต่อศาลอีกเป็นจำนวนมาก การขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นทั้งจำเลยที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีอีกหลายคดี และเป็นผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกา จึงเป็นเรื่องที่มุ่งหมายต้องการให้พระมหากษัตริย์ก้าวล่วงเข้าไปใช้อำนาจแทนตุลาการโดยตรง ซึ่งไม่อาจกระทำได้ตามกฎหมาย
4.ฎีกาดังกล่าว เป็นเรื่องที่มีจุดมุ่งหมายทางการเมืองโดยชัดแจ้ง โดยได้บรรยายความขัดแย้งและความเชื่อทางการเมืองของผู้ร่างที่ระบุว่า การกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ผ่านมาได้รับความเป็นไม่เป็นธรรม และถูกกลั่นแกล้ง จากองค์กรผู้ใช้อำนาจทั้งหมดทั้งจากรัฐบาลทุกรัฐบาลที่ผ่านมา องค์กรตุลาการ และจากกลไกอื่นๆ ของรัฐทั้งที่ได้มีคำพิพากษาของศาลสูงสุดวินิจฉัยชี้ขาดการกระทำดังกล่าวมาแล้วว่า เป็นไปโดยทุจริตและละเมิดกฎหมายบ้านเมืองหลายประการฎีกาดังกล่าว จึงเป็นการนำเอาข้อขัดแย้งในทางการเมืองที่มีผู้เห็นแตกต่างกันอยู่หลายฝ่าย ขึ้นกราบบังคับทูลต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ทรงมีพระราชวินิจฉัย อันเป็นเรื่องไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง และเป็นการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาสู่ความขัดแย้งเป็นการฝักฝ่ายทางการเมืองโดยตรง
5.ฎีกาดังกล่าวเป็นกรณีที่ผู้ร่างและชักชวนให้ประชาชนมาร่วมลงชื่อ ได้ทราบอยู่แต่ต้นว่าโดยเหตุทั้ง 4 ประการที่กล่าวมา ย่อมไม่อาจมีพระราชวินิจฉัยในทางหนึ่งทางใดได้แต่มุ่งหวังว่าเมื่อมีประชาชนจำนวนมากที่สุจริตย่อมไม่ทราบข้อกฎหมายและธรรมเนียมปฎิบัติในเรื่องนี้มาร่วมลงชื่อในฎีกาแล้ว ก็จะทำให้เกิดความกดดันและมีความคาดหวังว่าจะได้มีพระราชวินิจฉัยในเรื่องดังกล่าวตามที่ร้องขอ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อาจเป็นไปได้ เมื่อการณ์เป็นไปดังกล่าวจะทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกในหมู่ประชาชนและในระหว่างประชาชนผู้ไม่ทราบหลักเกณฑ์ทางกฎหมายและธรรมเนียมปฎิบัติในเรื่องนี้กับประชาชน โดยทั่วไปและกับสถาบันสูงสุดของชาติทำให้เกิดความไม่เข้าใจและคับข้องใจอันนำไปสู่ความแตกแยกในหมู่ประชาชนและเกิดความเสียหายรุนแรงที่สุดต่อประเทศชาติ และต่อระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งมีสิ่งที่ชาวไทยทั้งมวลยึดมั่นมาโดยตลอด
ด้วยเหตุดังกล่าว อธิการบดีมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาชั้นสูงของประเทศไทย และมีหน้าที่โดยตรงในการศึกษา ค้นคว้าวิจัย และให้ข้อมูลที่ถูกต้องต่อสังคมที่มีรายนาม จึงใคร่ขอเรียนมายังราชเลขาธิการในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบในการนำเรื่องต่างๆ ขึ้นกราบบังคมทูลว่าหากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง หรือกลุ่มนักการเมืองที่ดำเนินการให้มีการถวายฎีกาในเรื่องนี้เสนอเรื่องดังกล่าวมายังราชเลขาธิการ โปรดระงับยับยั้งไม่นำฎีกาดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ทั้งนี้ เพื่อปกป้องไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียจากการนำกรณีข้อขัดแย้งในทางการเมืองอันมิบังควร และทั้งไม่ชอบด้วยกฎหมายและโบราณราชประเพณีขึ้นถวายต่อองค์พระประมุขของชาติ