“จุรินทร์” วอนอย่างโยงกรณีเด็กอุเทน-ปทุมวัน ถูกยิงมาจากความขัดแย้ง 2 สถาบัน หวั่นบานปลาย เร่งตำรวจสืบสวนทำคดีพร้อมส่งรายงานด่วน ฝั่ง อุเทน เตรียมปิดไม่มีกำหนดจนกว่าจะจับตัวคนร้ายได้ ขณะที่ สกอ.ยันสั่งฟันผู้บริหารกรณีรับน้องโหด อุเทน เป็นไปตามผลสอบ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย โดนยิงเสียชีวิต ว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจาก ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) แล้ว ว่า กรณีดังกล่าวไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างสถาบัน ซึ่งจากนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนหาข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เป็นห่วงว่าสังคมอาจเกิดความเข้าใจในทางลบระหว่างสถาบัน และความเข้าใจของนักเรียนทั้ง 2 สถาบันนำไปสู่การใช้ความรุนแรง ซึ่ง สกอ.ประสาน หารือกับ 2 สถาบัน เพื่อทำความเข้าใจ และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้นมาอีก พร้อมทั้งทำความเข้าใจกับนักศึกษาทั้ง 2 สถาบัน
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องเป็นความขัดแย้งระหว่างสถาบันหรือไม่ ไม่สามารถตอบได้ ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนหาความจริงก่อน แต่ไม่ว่าเกิดขึ้นจากใคร คนที่ทำความผิดต้องรับโทษตามกฎหมาย สำหรับการดำเนินการสร้างความสมานฉันท์ระหว่างอุเทน และ ปทุมวัน ที่ผ่านมา มีความร่วมมือกันอย่างเป็นรูปธรรมมาโดยตลอด เพียงแต่ไม่ได้นำเสนอต่อสื่อมวลชน
“เรื่องนี้ต้องดำเนินการให้เกิดความต่อเนื่อง และไม่มีการเว้นวรรค หรือปล่อยปละละเลย เพราะหากปล่อยเมื่อไหร่ก็จะเกิดปัญหาขึ้นอีก ทั้งนี้ ได้ย้ำถึงผู้กำกับสถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุให้รายงานผลการสอบสวนมาโดยตรงทุกระยะ” รมว.ศธ.กล่าว
นายสืบพงษ์ ม่วงชู รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ วิทยาเขตอุเทนถวาย กล่าวว่า ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยได้ช่วยเหลือครอบครัวนักศึกษาที่เสียชีวิตแล้ว ส่วนผู้กระทำความผิดนั้น เชื่อว่า เร็วๆ นี้ จะสามารถจับตัวได้อย่างแน่นอน และเท่าที่พูดคุยกับนักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ ส่วนใหญ่จำหน้าคนร้ายได้ เพราะได้มีการแย่งปืนและทำร้ายร่างกายกัน ส่วนวันจันทร์ที่ 27 ก.ค.นี้ จะปิดการเรียนการสอนหรือไม่นั้น คงต้องรอดูหากมีข่าวที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างสถาบันอีก ก็คงสั่งปิดต่อไปจนกว่าจะจับคนร้ายได้ ทั้งนี้ อุเทนได้สั่งปิดสถาบันไปตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา
ด้าน ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) กล่าวว่า ได้รับรายงานจากทั้ง 2 สถาบันแล้ว ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างสถาบัน แต่เป็นความขัดแย้งส่วนบุคคล จากนี้ต้องรอผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
สำหรับความคืบหน้ากรณีการรับน้องรุนแรงนั้น จากการที่รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการของอุเทน ได้ออกมาระบุว่า สกอ.ชี้มูลความผิดของผู้บริหารแรงเกินจริง และหากคณะกรรมสอบสวนข้อเท็จจริงตัดสินเรื่องนี้อย่างไม่เป็นธรรมจะร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปทุกที่ ซึ่งสาเหตุที่คณะกรรมการต้องชี้มูลความผิดระบุโทษผู้บริหารสถาบันอย่างรุ่นแรงไว้ก่อน ก็เพื่อให้เกิดการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีมูลความจริงหรือไม่
“สิ่งที่ สกอ.ได้ชี้มูลเป็นสิ่งที่เกิดจากผลการสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการและพบว่า มีการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นจริง อาทิ การบังคับให้รุนน้องกินพริก และใช้วาจาข่มขู่ จากนั้นได้เชิญผู้บริหารสถาบันมาสอบอีกครั้ง และพบว่า กระบวนการการทำงานของผู้บริหารสถาบันมีปัญหาจริง สกอ.จึงได้ชี้มูลความผิดลักษณะดังกล่าว เพื่อให้เกิดการตรวจสอบว่าปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะอะไร หากผู้บริหารสถาบันเห็นว่าการที่ สกอ.ชี้มูลแบบนี้รุนแรงเกินไปก็ควรจะเร่งสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร เพื่อให้เกิดความกระจ่าง” ดร.สุเมธ กล่าว