บอร์ด สปสช.อนุมัติสำรองเงิน 600 ล้านบาท ซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 2 ล้านโดส สำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยง 1 ล้านคน อธิบดีกรมการแพทย์ เผย ผู้ป่วยอาการหนักหวัดใหญ่หายกลับบ้านได้หลายราย ขณะที่หญิงท้อง 3 เดือนหายดีแต่แท้งลูก
วันนี้ (13 ก.ค.) ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดย นายวิทยา กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยมีมติอนุมัติสำรองงบประมาณจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่จำนวน 600 ล้านบาท สำหรับการจัดซื้อวัคซีนจำนวน 2 ล้านโด้ส เพื่อรองรับการระบาดปี 2552 และในอนาคต โดย สปสช.จะทำเรื่องของบกลางจากรัฐบาลต่อไป
นายวิทยา กล่าวว่า ในช่วงระบาดใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลกให้ข้อแนะนำในการให้วัคซีนประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงก่อน ได้แก่ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีประมาณ 1% ของประชากร หรือประมาณ 650,000 คน รวมถึงผู้มีโรคเรื้อรัง และกลุ่มเสี่ยงอีกประมาณ 1-2 ล้านคน ซึ่งวัคซีนดังกล่าวเป็นเชื้อตายที่ต้องฉีด 2 เข็มต่อ 1 คน ห่างกัน 1 เดือน ทั้งนี้ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จากต่างประเทศจำนวน 2 ล้านโด้ส จะสามารถนำมาฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงในไทยจำนวน 1 ล้านคน พร้อมกับประชาชนประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทำให้มาตรการการควบคุมการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯเข้มแข็งและยุติการระบาดได้ดียิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน ในประเทศไทยโดยองค์การเภสัชกรรมด้วยการสนับสนุนจากองค์การอนามัยโลกกำลังพัฒนากระบวนการผลิตอยู่ ซึ่งผลการประเมินเบื้องต้นน่าจะผลิตได้ ภายในเดือนตุลาคม หรือพฤศจิกายนนี้
เมื่อเวลา 15.00 น.วันเดียวกัน ที่โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี นายวิทยาพร้อมนพ.เรวัติ วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวน 5 ราย ซึ่งทั้งหมดมีอาการรุนแรง แต่หายป่วยแล้วและแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้
นพ.เรวัติ กล่าวว่า ผู้ป่วยอาการรุนแรงที่รักษาที่โรงพยาบาลนพรัตนฯ ทั้ง 5 ราย ในจำนวนนี้ 4 ราย มีโรคประจำตัว สำหรับรายแรกเป็นหญิง อายุ 20 ปี ตั้งครรภ์ 3 เดือน เป็นโรคธาลัสซีเมีย ซึ่งเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เกิดภาวะแท้งลูก แต่แม่ปลอดภัย ซึ่งผู้ป่วยรายนี้มีประวัติเคยตั้งครรภ์มาแล้ว 2 ครั้ง และแท้งลูกทุกครั้ง เนื่องจากโรคธาลัสซีเมียมีความเสี่ยงสูงที่จะแท้งลูกอยู่แล้ว ส่วนผู้ป่วยอีก 3 ราย มีโรคประจำตัว คือ ถุงลมโป่งพอง วัณโรค และเบาหวาน และรายที่ 5 เป็นเด็กไม่มีโรคประแต่ขณะนี้อาการหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หายดีและกลับบ้านได้แล้วเช่นกัน
นพ.เรวัติ กล่าวว่า ส่วนผู้ป่วยที่โรงพยาบาลชลประทาน ที่มีอาการหนักเป็นชาย อายุ 38 ปี รักษามีโรคประจำตัวเป็นไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ล่าสุด หายจากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วเช่นกัน นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่สถาบันทรวงอก 16 ราย ทุกรายหายเป็นปกติและกลับบ้านได้เช่นเดียวกับที่โรงพยาบาลเลิดสิน รักษาผู้ป่วย 2 ราย หายเป็นปกติแล้ว ส่วนโรงพยาบาลราชวิถี รักษาผู้ป่วย 61 ราย เสียชีวิต 1 ราย กลับบ้านแล้ว 44 ราย ยังนอนรักษาอยู่อีก 16 ราย
“ได้สั่งการให้โรงพยาบาลสังกัด กรมการแพทย์ทั้งหมด รวบรวมสถิติผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ตั้งแต่เกิดการระบาดขึ้น โดยขณะนี้ยังมีผู้ป่วยอาการรุนแรงรักษาในโรงพยาบาลอีก 4-5 ราย ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ดูแลอย่างใกล้ชิด” นพ.เรวัติ กล่าว