กทม.จับมือผู้นำด้านการศึกษาและการเรียนรู้ จัดมหกรรมการเรียนรู้ครั้งยิ่งใหญ่ “Bangkok Kids ‘ Learning Expo 2009” เพื่อเสริมทักษะการเรียนรู้ของเยาวชน ยกสุดยอดนวัตกรรมความรู้และสื่อการสอนสุดทันสมัยมาไว้ในงาน ชูแนวคิด “ครบเครื่องเรื่องเรียนรู้สู่โลกศตวรรษที่ 21” พร้อมโชว์ศักยภาพนักเรียนสังกัด กทม.24-26 ก.ค.นี้ ที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์ ขณะที่โพลเผยพ่อแม่ใน กทม.ห่วงลูกมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง-พฤติกรรมทางเพศไม่เหมาะสม เหตุมาจากความอ่อนแอของสถาบันครอบครัวและอิทธิพลจากสื่อ
วันนี้ (13 ก.ค.) ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการ กรุงเทพมหานคร (กทม.) นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าฯ กทม.เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงาน “Bangkok Kids‘ Learning Expo 2009” ภายใต้แนวคิด “ครบเครื่องเรื่องการเรียนรู้สู่โลกศตวรรษที่ 21” เพื่อส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของเด็ก ซึ่งรวบรวมนวัตกรรมความรู้พร้อมทั้งสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยไว้อย่างครบครัน โดยมีนางสุภาวดี หาญเมธี ประธานกรรมการบริหารบริษัท รักลูกกรุ๊ป จำกัด และนางหทัยรัตน์ อติชาติ ผู้จัดการฝ่ายนโยบายด้านรัฐกิจและกิจการสัมพันธ์บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ร่วมแถลงข่าว
นางทยา กล่าวว่า กทม.ถือเป็นภารกิจสำคัญในการเสริมสร้างกรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งการเรียนรู้ที่แท้จริง ด้วยนโยบายการศึกษาที่ทำได้จริงด้วยคุณภาพมาตรฐาน พร้อมพัฒนาองค์ความรู้อย่างครอบคลุมทั้งในและนอกห้องเรียน โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้เน้นผู้เข้าร่วมงานได้รับรู้ และเข้าใจพันธกิจของ กทม.ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและศักยภาพบุคลากรของกทม.สู่การพัฒนาเป็น “มหานครแห่งการเรียนรู้” ภายใต้แนวคิด “Work Hard Play Smart” ซึ่งแบ่งเป็นกิจกรรมและชุดนิทรรศการทั้งหมด 4 ภาค ประกอบด้วย ภาคที่ 1 เปิดประตูโรงเรียนสู่โลกกว้าง Global Context ภาคที่ 2 เรียนรู้วิถีโลก Global Content ภาคที่ 3 สร้างนักคิดพิชิตโลก Global Thinkers ภาคที่ 4 คุณภาพไทยมาตรฐานโลก Global Systems นอกจากนี้ ยังมีการแสดงคอนเสิร์ต “ชิงช้าสวรรค์” จากนักเรียนโรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์ และการแสดงความสามารถของนักเรียนจากโรงเรียน กทม. ตลอดการจัดงานทั้ง 3 วันด้วย
นางทยา กล่าวอีกว่า งานมหกรรม “Bangkok Kids ‘ Learning Expo 2009” ได้นำเสนอนวัตกรรมการเรียนการสอนของโรงเรียนสังกัด กทม.โดยนำเสนอความรู้ในโลก Global ผ่านสื่อการเรียนการสอนจากเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อสร้างให้เกิดการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และสามารถสรุปความคิดรวบยอดอย่างเป็นระบบที่เป็นสากล และยกระดับมาตรฐานคุณภาพการศึกษา นอกจากนี้กลุ่มโรงเรียนภาคเอกชนและโรงเรียนทางเลือกต่างๆ ได้นำนวัตกรรมการเรียนพร้อมทั้งหลักสูตรต่างๆ อาทิ หลักสูตร English Program, หลักสูตร Brain Base Learning และหลักสูตรการเรียนการสอนแบบบูรณาการ พร้อมจัดพื้นที่สำหรับส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของเด็กๆ ผ่านกิจกรรมที่ให้ความสำคัญของการส่งเสริมอิสระแห่งการเรียนรู้ ที่ไร้ขีดจำกัดโดยแบ่งออกเป็น 4 เส้นทางการเรียนรู้ ดังนี้ การอ่าน เพื่อเติมเต็ม การเรียนรู้โลกกว้างผ่านการอ่านเสริมพลังสมอง พร้อมกับเติมเต็มจินตนาการด้วยบทบาทสมมติ การเล่น เพื่อเสริมสร้าง เพิ่มพลังให้กับร่างกายสู่ทักษะการใช้ชีวิตให้กล้าคิด กล้าเผชิญ ผ่านอุปสรรค์และกิจกรรมการเล่นที่ไร้ขีดจำกัด ด้วยจินตนาการของเด็กๆ การเรียนรู้ด้วยตัวเอง เพื่อที่จะกระตุ้นให้เด็กเกิดความสนในใฝ่รู้โลกกว้างด้วยตนเอง และนำมาเสริมสร้างพัฒนาการได้อย่างสมบูรณ์แบบ การสร้างทักษะพ่อแม่ เพื่อเรียนรู้ทักษะความเป็นพ่อแม่เพื่อส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ของลูกด้วยวิธีต่างๆ ผ่าน กิจกรรม 8 ส.ได้แก่ สงสัย สังเกต สำรวจ สัมผัส สั่งสม สรุปผล สื่อสาร สร้างสรรค์
นอกจากพื้นที่กิจกรรมให้เด็ก ๆ ร่วมเล่นแล้ว ภายในงานยังได้จัดนิทรรศการสำหรับเด็กและครอบครัวแปลกใหม่ครั้งแรกในเมืองไทยในชื่อชุด Human Art Exhibition ที่ได้รับความร่วมมือจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ ภาควิชาศิลปะการแสดงประยุกต์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และ กลุ่มศิลปะขันธา นำแสดงโดยมนุษย์ด้วยการผสมผสานรูปแบบการแสดงระหว่าง Body movement และ Object Theater สร้างพัฒนาการได้อย่างสมบูรณ์แบบ และการสร้างทักษะและสำหรับผู้ร่วมงานในครั้งนี้นอกจากกิจกรรมต่างๆ แล้ว
ยังสามารถเข้าร่วมฟังสัมมนา อาทิ หัวข้อ เจาะลึกกลยุทธ์เตรียมพร้อมลูกก่อนเข้าเรียน โดยดร. อรชา ตุลานันท์ อาจารย์พิเศษคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, เทคนิคสร้างทักษะพ่อแม่ส่งเสริมการเรียนรู้ลูก โดย นพ. สุริยเดว ทรีปาตี ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชน กุมารแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี, 8 ส.ทักษะธรรมชาติสร้างสมอง โดย นพ.อุดม เพชรสังหาร ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง รองประธานกรรมการ ฝ่ายพัฒนาความรู้ บริษัท รักลูกกรุ๊ป จำกัด ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ผู้สนใจเข้าร่วมงาน Bangkok Kids’ Learning Expo 2009 ได้ในระหว่างวันที่ 24-26 กรกฎาคม 2552 เวลา 10.00-19.00 น.ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สอบถามรายละเอียด โทร.02-8318400 ต่อ 3511 หรือ www.momypedia.com
ด้าน นางสุภาวดี กล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของพ่อแม่ไทยในเขตกทม. เกี่ยวกับพฤติกรรมและการศึกษาสำหรับเด็กไทยในสังคมปัจจุบันจำนวน 1,000 คนซึ่งมีบุตรอยู่ในช่วงวัย 2-7 ปี โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 1-30 มิถุนายน 2552 พบว่า พฤติกรรมของเด็กไทยที่น่าเป็นห่วงสำหรับพ่อแม่ ก็คือ ความก้าวร้าวรุนแรงจากการกระตุ้นโดยสื่อต่างถึงร้อยละ 47 การเรียนรู้ทางเพศเร็วกว่าวัยอันควรร้อยละ 31.4 การไม่สู้งานขาดความรับผิดชอบร้อยละ 24.3 การบริโภคนิยมมีค่านิยมตะวันตกร้อยละ 19.8 การใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีอย่างไร้ขอบเขต ร้อยละ 19.2 จิตใจอ่อนแอ ไม่กล้าเผชิญปัญหา ร้อยละ 18.2 ความห่างไกลศาสนาร้อยละ 16.4 การขาดจิตอาสาและจิตสำนึกสาธารณะร้อยละ 13.2 ขาดความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ร้อยละ 7.5 และวัฒนธรรมนอนดึกตื่นสายร้อยละ 7.3 สำหรับต้นเหตุที่ทำให้เด็กมีพฤติกรรมน่าเป็นห่วง ก็คือ ความอ่อนแอของสถาบันครอบครัว ร้อยละ 62.5 อิทธิพลจากสื่อต่างๆ ร้อยละ 53.4 พฤติกรรมของผู้ใหญ่ในสังคม ร้อยละ 45.1 และระบบการศึกษาที่เน้นการแข่งขันร้อยละ 35.8 ส่วนพฤติกรรมที่อยากปลูกฝังให้ลูก 5 อันดับแรก ก็คือ เห็นคุณค่าในตนเองร้อยละ 56.1 มีความเป็นมนุษย์ร้อยละ 52.6 มีทักษะการอยู่ร่วมกับผู้อื่นร้อยละ 21.9 มีจิตสำนึกในความเป็นไทยร้อยละ 16.0 รู้จักจัดการปัญหาไม่หนีปัญหา ร้อยละ 14.4
ขณะที่นโยบายการศึกษาที่อยากเห็น ได้แก่ พัฒนาคุณภาพของครูและโรงเรียนให้มีศักยภาพเท่าเทียมกันร้อยละ 76.5 ใช้เกณฑ์การวัดผลทางการศึกษาที่ได้มาตรฐานเท่ากันทุกโรงเรียนร้อยละ 51.2 แนวการเรียนการสอนเน้นการศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเองให้มากขึ้นร้อยละ 43.7 แนวการเรียนการสอนให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะด้านภาษาต่างประเทศให้มากขึ้นร้อยละ 16.4 และนำคอมพิวเตอร์/อินเทอร์เน็ต มาใช้เพื่อการเรียนการสอนให้มากขึ้นร้อยละ 7.5