ปลัด ศธ.ลั่น สกสค.ทำโครงการ ช.พ.ค.หากมีคอมมิชชันจากออมสินต้องแจงได้

ปลัด ศธ.ลั่น สกสค.จัดทำโครงการ ชพค.5 หากมีการตกลงเรื่องค่าคอมมิชชันกับธนาคารออมสิน ก็ต้องชี้แจงได้ และต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของข้าราชการครูอย่างแท้จริง ส่วนเรื่องบังคับสมาชิก ชพค.ทำประกันชีวิต ชี้ที่ประชุม สกสค.ให้สมาชิกที่กู้ในวงเงิน 6 แสนขึ้นไปทำประกันเหมือนเดิม ส่วนวงเงินไม่เกิน 3 แสน เลือกได้ตามความสมัครใจ

นายชินภัทร ภูมิรัตน์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณี นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร จะทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอตั้งกระทู้ถาม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในประเด็นที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ได้เปิดโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.(โครงการ 5) ซึ่งให้สมาชิก ช.พ.ค.ที่มีอายุการเป็นสมาชิกตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป สามารถกู้เงินได้ในวงเงินสูงสุดไม่เกินคนละ 600,000 บาท โดยบังคับให้ผู้กู้ทุกรายต้องทำประกันชีวิตเพื่อประกันสินเชื่อกับบริษัทประกัน ในอัตราค่าเบี้ยประกันต่อคนต่อ 10 ปี ตั้งแต่ 6,200-37,200 บาท เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ว่า ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการเงินกู้ ช.พ.ค.แล้ว กรณีธนาคารออมสินจ่ายเงินสนับสนุนพิเศษให้สำนักงาน สกสค.โดยที่ครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่ได้รับประโยชน์ ว่า เรื่องการจ่ายเงินเบี้ยประกันนั้น ตนไม่ทราบว่าอะไรจ่ายสูงหรือต่ำ แต่ที่ทราบจากเจ้าหน้าที่ สกสค.ว่า เบี้ยประกันที่ครูจะจ่าย มีวงเงิน 37,200 บาท ในระยะเวลา 10 ปี เฉลี่ยปีละ 3,720 บาท หรือเดือนละประมาณ 300 กว่าบาท เงื่อนไขคุ้มครอง 10 ปี ไม่จำกัดอายุ ไม่มีการตรวจสุขภาพ ไม่จะเป็นโรคมะเร็ง หรือโรคติดต่อร้ายแรงก็ตาม ซึ่งตนเห็นว่าเงื่อนไขดังกล่าวเป็นเงื่อนไขที่เปิดกว้างในแง่ของคุณสมบัติของผู้ทำประกัน ซึ่งคิดว่าทางบริษัทประกันคงจะคิดอัตราความเสี่ยงของครูถัวเฉลี่ยกันได้ เพราะครูทำประกันจำนวนมาก ซึ่งอาจจะมีคนที่แข็งแรงและไม่แข็งแรง ซึ่งมีข้อมูลของครูส่วนใหญ่ว่าจะเสียชีวิตอายุเกือบ 70 ปี

ปลัด ศธ.กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม จากการที่ สกสค.ได้เข้าพบ นายจุรินทร์ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับความเห็นจาก รมว.ศธ.ว่า ไม่น่าจะมีการบังคับให้ครูประกันชีวิต ดังนั้น การประชุม ชพค.ในวันนี้ (18 มิ.ย.) ตนได้รับแจ้งว่า ที่ประชุมได้นำเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาและได้ข้อสรุปว่ากลุ่มที่จะกู้เงินเต็มเพดาน 600,000 บาท ให้เป็นไปตามเงื่อนไขเดิมซึ่งจะต้องมีการทำประกันชีวิต และสมาชิกที่กู้ไม่เต็มยอด หรือ 300,000 บาท ให้เลือกว่าจะทำหรือไม่ทำประกันก็ได้

“ส่วนประเด็นเงินสนับสนุนพิเศษ (คอมมิชชัน) ที่ธนาคารออมสินให้กับ สกสค.นั้น เรื่องนี้จะไปตรวจสอบให้มีความชัดเจน เพราะภารกิจของ สกสค.จะต้องดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของ ศธ.เพื่อจัดหารายได้มาจัดสวัสดิการให้กับครู ดังนั้น จะต้องตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวกับโครงการเงินกู้ ชพค.5 ว่า หากมีการตกลงสัญญาอะไรกันไว้ หรือมีค่าคอมมิชชันที่ สกสค.ได้รับจากธนาคารออมสินจะต้องเป็นตัวเลขที่เปิดเผยและชี้แจงได้ และยืนยันว่า ทั้งหมดนี้จะต้องทำให้เกิดประโยชน์ให้กับครูอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจะไม่มีการหักค่าหัวคิวอย่างใดทั้งสิ้น”นายชินภัทร กล่าว

ปลัด ศธ.กล่าวอีกว่า สำหรับเงินที่ ชพค.แจ้งว่า จะหักจากครูจำนวน 12,000 บาทนั้น ได้รับการชี้แจงว่า จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ จำนวน 2,000 บาท จะนำไปเข้ากองทุนส่งเสริมความมั่นคงโครงการสวัสดิการเงินกู้ ชพค.ซึ่งตนได้รับคำอธิบายจากเจ้าหน้าที่ว่าจะเป็นเงินกันชน กรณีครูมีปัญหาไม่มีเงินจ่ายรายเดือนให้ธนาคารและจำนวน 10,000 บาท จะนำเข้ากองทุนรวมสวัสดิการเพื่อความมั่นคงของสมาชิก ชพค.ซึ่งขณะนี้ สกสค.กำลังจัดทำระเบียบดังกล่าวอยู่ ซึ่งจะเป็นลักษณะของการออมเงินให้กับสมาชิก ส่วนกรณีที่ สกสค.บางจังหวัดบังคับให้ครูที่กู้เงินเช่าพระนั้น ต้องลงไปตรวจสอบก่อนว่ามีการจงใจหรือไม่