xs
xsm
sm
md
lg

สธ.เผยพบผู้ป่วยหวัด 09 อีก 44 คน ยอดคนไทยป่วยพุ่ง 150 คนแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปลัด สธ.เผยตัวเลขผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ฯ 2009 ในไทยเพิ่มอีก 44 คน รวมยอด 150 คน วอนคนไทยอย่าตื่นตระหนก ระบุอัตราการเสียชีวิตต่ำมาก เสี่ยงเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กที่มีโรคประจำตัว คาดวัคซีนป้องกันผลิตสำเร็จในอีก 3 เดือน และถึงไทยเดือน ต.ค.ด้านนักเรียนอนุบาลปทุมฯ อาการดีขึ้น ล่าสุดกลับบ้านได้อีก 2 ราย

นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการปฏิบัติการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 วันนี้เพิ่มอีก 44 คน รวมเป็น 150 คน

แต่ขอวอนคนไทยอย่าตื่นตระหนก เพราะผู้ติดเชื้อมีอัตราการเสียชีวิตเพียงร้อยละ 0.1 ส่วนการรักษาจะให้ยาเพียงแค่ร้อยละ 5 เพราะอีกร้อยละ 95 หากได้รับเชื้อแล้วสามารถหายเองได้ กลุ่มเสี่ยงจะอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีโรคเบาหวาน หัวใจ วัณโรค ความดันโลหิต และเด็กที่มีโรคประจำตัว

นพ.ปราชญ์ กล่าวด้วยว่า มีรายงานจากการตรวจเลือดพบว่าคนที่มีอายุตั้งแต่แรกเกิด-18 ปี ไม่มีภูมิคุ้มกันโรคนี้อยู่ในเลือด ผู้ที่มีอายุ 19-60 ปี พบว่าในเลือดมีภูมิคุ้มกันร้อยละ 6-9 ส่วนกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปมีภูมิคุ้มกันในเลือดร้อยละ 33 ซึ่งหมายความว่าเคยมีโรคนี้เกิดขึ้นมาแล้วจึงเกิดภูมิคุ้มกัน ดังนั้นผู้ที่เป็นแล้วจะมีภูมิคุ้มกันและไม่เป็นอีกตลอดชีวิต ขอให้รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ปฎิบัติตามคำแนะนำป้องกันและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
โดยในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด ขณะนี้มีผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลปทุมธานี 7 ราย เนื่องจากญาติมีความกังวลใจ แต่ที่มีเหตุสมควรนอนรักษามีเพียง 2 ราย เนื่องจากมีอาการไข้สูงและรับประทานอาหารได้น้อย ส่วนที่พัทยามีนอนโรงพยาบาลเพียง 1 รายเนื่องจากมีเลือดกำเดาไหล ข้อมูลปัจจุบันจากการวิเคราะห์ผู้ป่วยที่นอนในโรงพยาบาลและการติดตามสอดคล้องว่าโรคนี้อาการไม่รุนแรง และขอยืนยันว่าธรรมชาติของโรคนี้จะคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เก่าตามฤดูกาล โดยเฉพาะในฤดูฝน ซึ่งแต่ละปีจะพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เก่าประมาณ 10,000 – 15,000 ราย ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนก กระทรวงสาธารณสุขจะให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีอาการน้อย ควรพักผ่อนและรักษาตนเองอยู่ที่บ้าน 3 – 7 วัน หากมีอาการมากขึ้น ควรไปพบแพทย์ ระหว่างอยู่ที่บ้านควรหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้อื่น ให้ล้างมือบ่อยๆ และสวมหน้ากากอนามัย
สำหรับประชาชนทั่วไป ให้ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หากไม่สบาย เช่น มีน้ำมูกไหล มีไข้ต่ำๆ ไอ เจ็บคอ ให้สวมหน้ากากอนามัย และไปพบแพทย์รักษา
ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขขอความร่วมมือประชาชนและหน่วยงานทำความสะอาด ในสถานที่ต่างๆ เช่น โรงเรียน โรงแรม สถานที่ราชการ ผับ บาร์ และสถานที่สาธารณะที่ประชาชนใช้บริการหนาแน่น โดยเน้นการทำความสะอาด ของใช้หรือวัตถุที่มีโอกาสจับต้องร่วมกันบ่อยๆ เช่น โทรศัพท์สาธารณะ ราวบันได ลูกบิดประตู โต๊ะเก้าอี้ คีย์บอร์ดของคอมพิวเตอร์ โดยเช็ดด้วยน้ำและผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดทั่วไป หรือเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และจะรณรงค์ให้ผู้มีอาการไอ จาม สวมหน้ากากอนามัย เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อโรค ซึ่งเป็นการร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคม เป็นพฤติกรรมที่เป็นประโยชน์ ไม่ควรอายและไม่ควรรังเกียจผู้ที่สวมหน้ากากอนามัย
สำหรับสถานการณ์โลก องค์การอนามัยโลกรายงานเมื่อเช้าวันนี้ ตามเวลาในประเทศไทย มีผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 สะสมทั้งหมด 29,669 ราย ใน 74 ประเทศ เสียชีวิต 145 ราย เป็น เม็กซิโก 108 ราย สหรัฐอเมริกา 27 ราย แคนาดา 4 ราย ชิลี 2 รายและคอสตาริก้า สาธารณรัฐโดมินิกัน โคลัมเบีย กัวเตมาลา ประเทศละ 1 ราย ในประเทศไทยวันนี้มีผู้ป่วยยืนยันเพิ่ม 44 ราย เป็นผู้ป่วยใหม่ 15 ราย รวมผู้ป่วยสะสมตั้งแต่เมษายน -14 มิถุนายน 2552 ทั้งหมด 150 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการรักษาหายดีแล้ว ไม่มีผู้เสียชีวิต

สำหรับช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการแพร่ระบาดอย่างมาก เพราะมีการเดินทางระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายนเป็นต้นมา มีคนเดินทางเข้าประเทศถึง 1.6 ล้านคน จึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาด ส่วนวัคซีนที่จะป้องกันโรคนี้คาดว่าภายใน 3 เดือน จะผลิตได้สำเร็จ และไทยจะได้รับประมาณเดือนตุลาคม ขณะนี้ตัวเลขผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั่วโลกมี 30,000 คนแล้ว เฉพาะที่สหรัฐฯ มี 16,000 คน

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าด้านนพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ทื่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุข ในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ จากกรมการแพทย์ เปิดเผยภายหลังเดินทางมาตรวจเยี่ยมอาการของนักเรียนอนุบาลปทุมธานี ที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และยังคงพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลปทุมธานี จำนวน 11 คนจากที่พบทั้งหมด 17 คน ว่าอาการส่วนใหญ่ของผู้ป่วยถือว่าดีขึ้น ไม่มีอาการของโรคแทรกซ้อน ล่าสุดสามารถกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านได้แล้ว 2 คน และยังไม่พบเด็กนักเรียน หรือคนใกล้ชิดติดเชื้อเพิ่ม

ส่วนที่มาของการแพร่ระบาดมายังกลุ่มเด็กนักเรียนนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด อยากฝากผู้ปกครอง หากพบบุตรหลานป่วย อย่าไปเรียนหนังสือ หากอาการน้อยให้รักษาตัวที่บ้าน แต่ถ้าอาการหนักให้มารักษาตัวที่โรงพยาบาล
ที่สำคัญผู้ป่วยต้องสวมหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อแพร่ระบาด สำหรับประชาชนทั่วไป หากไม่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย อาจไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย แต่ควรระมัดระวังตัวตามมาตรการที่ สธ.แนะนำคือกินของร้อน ใช้ช้อนกลาง และล้างมือบ่อยๆ

สำหรับแนวทางการรักษาผู้ป่วยนั้น สธ.จะปรับทิศทางตามสถานการณ์และความเปลี่ยนแปลงของโรค ซึ่งแม้จะไม่สามารถป้องกันได้แต่ยุทธศาสตร์ของ สธ. คือจะต้องทำให้การแพร่เชื้อช้าลง
กำลังโหลดความคิดเห็น