สธ.รื้อระบบสู้หวัดใหญ่ 2009 ตั้งศูนย์อำนวยการใหม่ ให้ “หมอปราชญ์” คุม พร้อมยุบหน่วยย่อยทิ้ง เผยสั่งจองวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่อีก 2 ล้านชุด ได้ใช้ มี.ค.ปีหน้า
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมประเมินสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1 ว่า ขณะนี้ สธ.ยืนยันได้ว่า เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไม่รุนแรง มีอาการไม่ต่างจากไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลประจำปี เพื่อลดความตื่นตระหนก และให้สอดคล้องความเป็นจริงของโรค โดยประเทศไทยยังอยู่ในสถานการณ์ระดับ บี แต่มีโอกาสพัฒนาไปเป็นระดับ ซี แต่เป็นการติดในวงแคบ ในระดับพื้นที่ชุมชน รวมทั้งพื้นที่พัทยายังอยู่ในระดับ ซี แต่หากมีการปรับระดับจะพิจารณาเป็นพื้นที่
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ที่ประชุมมีมติให้ยุบศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ที่นพ.ไพจิตร์ วราชิต เป็นธาน โดยเปลี่ยนเป็นตั้งศูนย์อำนวยการปฏิบัติการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ โดยมีนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ เป็นประธาน เนื่องจากขณะมีการระบาดในพื้นที่แล้ว และยังคงเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นในทุกพื้นที่ที่มีการระบาด โดยจะส่งสัญญาณไปยังสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศให้มีการเฝ้าระวังในพื้นที่ที่มีการระบาดและรายงานตรงไปยังศูนย์อำนวยการฯ ซึ่งจะทำหน้าที่ในการควบคุมการระบาดให้อยู่ในวงจำกัดและให้มีการแพร่ระบาดน้อยที่สุด รวมทั้งให้คำแนะนำสุขศึกษากับประชาชนและมีการแจกเอกสารเผยแพร่องค์กรต่างๆ ประชาชน ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด โดยประสานให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เป็นผู้กระจายเอกสารไปยังอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)
“ขณะนี้ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเริ่มมีการระบาด ขอให้ประชาชนหรือนักเรียนที่มีอาการป่วย หยุดทำภารกิจต่างๆ ทั้งการเรียน การทำงาน หากป่วยรุนแรง มีอาการหนักมากจึงให้ไปพบแพทย์ แต่หากป่วยไอ ไม่สบายธรรมดาให้พักรักษาตัวดูแลสุขภาพที่บ้านได้ แต่ต้องใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่นและเน้นควบคุมในพื้นที่ โรงเรียน โรงงาน นอกจากนี้ ให้ สสจ.ทุกจังหวัด รายงานตัวเลขตัวเลขในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สูงผิดปกติเมื่อเทียบกับการเกิดระบาดในปีที่แล้ว โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ระบาดวิทยา ลงพื้นที่ตรวจสอบว่ามีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่หรือไม่” นายวิทยา กล่าว
นายวิทยา กล่าวต่อว่า การนำเสนอข้อมูลทางสื่ออย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ประชาชนเกิดความตระหนกได้ ดังนั้น สธ.จะจัดให้มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในทุกวันที่มีการเปลี่ยนของสถานการณ์ ซึ่งตนเองจะเป็นผู้แถลงข่าวเพียงผู้เดียวเท่านั้น นอกจากนี้ ได้ให้คณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ของศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข จัดทำแนวทางปฏิบัติสำหรับโรงเรียน โรงงาน สถานบริการต่างๆ สถานบันเทิง เรือนจำ ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดของโรค เพื่อใช้เป็นคู่มือดำเนินการเป็นแนวทางเดียวกันทั่วประเทศ จะเร่งให้เสร็จในวันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ขณะนี้กรมควบคุมโรคมียาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์อยู่ในสต๊อก 4.2 แสนชุด โดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) สามารถผลิตได้จำนวน 1 แสนชุด เพื่อให้มีความมั่นใจว่าหากเกิดอาการป่วยจะมียาในการรักษา ทั้งนี้ มีผลยืนยันแล้วว่า ผู้ป่วย 80% อาการป่วยหายได้เอง อีก 20% เท่านั้นที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ทั้งนี้ที่ประชุมยังมีมติสั่งจองวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2 ล้านชุด ซึ่งคาดจะผลิตเสร็จในเดือนตุลาคม 2552 และได้รับวัคซีนในเดือนมีนาคมปี 2553
นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผอ.องค์การเภสัช กล่าวว่า ได้ประสานไปยังบริษัทร่วมทุนระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับบริษัท ซาโนฟี ปาสเตอร์ ซึ่งจะเป็นผู้ผลิตวัคซีนจำนวน 2 ล้านชุด โดยมีเงื่อนไข 2 ข้อ คือ 1.สั่งจองโดยยังไม่จ่ายเงิน และ 2.หากผลิตออกมาแล้วไม่ได้ใช้วัคซีน ก็ไม่ต้องจ่ายเงิน แต่ต้องซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลในปริมาณเท่ากัน ซึ่งข้อเสนอนี้ได้มาก่อนแล้วแต่อภ.ไม่กล้าซื้อเพราะปริมาณการฉีดไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาล 1 ล้านโดสเท่านั้น ถ้าใช้ไม่หมดก็อาจสูญเงินเป็น 100 ล้านบาท ในทางปฏิบัติจังต้องมีการเจรจาว่าจะให้ใครเป็นผู้สั่งซื้อ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในการนำแนวทางมาใช้ต่อไป