“นายกฯ” สั่งคุมเข้มพื้นที่เสี่ยง “ไข้หวัด2009” ระบาด ยันไม่ปิดความจริง ย้ำต้องตื่นตัว เชื่อคุมได้ไม่ยอมให้มีผู้เสียชีวิต
วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 (บน.6) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการแก้ปัญหาหลังมีการระบาดของเชื้อหวัดใหญ่ 2009 ในประเทศไทยว่า ขณะนี้มี 3 จุดที่ต้องเข้าไปดูแลใกล้ชิด คือพัทยา ภูเก็ต และโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนนั้น เราได้หารือกันตั้งแต่เปิดเทอมว่า เป็นจุดที่ต้องมีการระมัดระวังเป็นพิเศษ หากมีความจำเป็นต้องหยุดเรียนหรือปิดโรงเรียนก็ให้ดำเนินการได้ ขณะนี้เมื่อมีการรายงานหรือมีความสงสัยในพื้นที่ใด จะเข้าไปตรวจสอบอย่างเข้มข้นเพื่อนำผู้ติดเชื้อมาดูแลรักษาโดยเร็วเพื่อ ป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาขณะนี้คือไม่รู้ว่าเด็กนักเรียนไปติดเชื้อมาจากที่ใด รัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องใช้มาตรการเดียวที่ทำกับที่พัทยา อย่างกรณีนี้พอทางการไต้หวันแจ้งมาว่าพบนักท่องเที่ยวที่กลับมาจากพัทยาติด เชื้อก็เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ทันที กรณีของโรงเรียนเราจะดำเนินการในมาตรการเดียวกัน
เมื่อถามว่า การที่องค์การอนามัยโลก (ฮู) ได้ปรับระดับการแพร่ระบาดของโรคขึ้นไปเป็นระดับ 6 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราก็คงมีการปรับมาตรการตามเกณฑ์ ขณะนี้การเข้าไปดูแลของเราค่อนข้างจะรวดเร็ว ถ้าเราตื่นตัวทำงานอย่างใกล้ชิดขนาดนี้เชื่อว่าควบคุมได้
เมื่อถามว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ทำงานช้าไปหรือไม่ ที่เพิ่งเรียกผู้บริหารและผู้ประกอบการโรงเรียนทั่วกทม.มาหารือกันในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงเรามีคณะกรรมการอำนวยการระดับชาติอยู่แล้ว แต่ถ้ามีความจำเป็นในท้องถิ่น หรือในแต่ละพื้นที่ที่จะมีการเสริมเข้ามาก็เป็นเรื่องทำได้ แค่คิดว่าขณะนี้เป็นสถานการณ์ที่เรายังบริหารจัดการได้เพราะจะเห็นว่าทุกรายที่ติดเชื้อ ที่ผ่านมาเราสามารถดูแลรักษาหายกลับบ้านได้ มีการติดตามความเคลื่อนไหวว่าผู้ที่ติดเชื้อไปที่ไหนอย่างไร แต่ต้องยอมรับว่าเชื้อมันเริ่มต้นมาจากต่างประเทศและอาการของผู้ที่เดินทาง ไม่ได้ปรากฏชัดตั้งแต่แรก อย่างบางประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งไปถึงหลักพัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เพราะมีการเดินทางไปมาหาสู่กัน แต่เราวางระบบและแนวปฏิบัติไว้หากเราสามารถทำอย่างนี้ได้ในทุกพื้นที่ ถึงแม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นบ้างแต่เราสามารถบริหารจัดการได้ ที่สำคัญที่สุดต้องพยายามไม่ให้มีใครเสียชีวิต
เมื่อถามว่า การพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับทัศนคติของผู้เดินทางอย่างตนเดินทางไปในหลายประเทศ ได้พูดคุยกับผู้บริหารของหลายๆ ประเทศก็มีความหลากหลาย บางประเด็นไม่วิตกกังวลเท่าไหร่โดยให้เหตุผลว่าอัตราผู้เสียชีวิตต่ำกว่าไข้หวัดใหญ่ธรรมดาด้วยซ้ำ แต่บางประเทศแสดงความกังวลเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องใหม่ไม่แน่ใจว่าจะมีพัฒนาการอย่างไรจึงเป็นเรื่องที่ตอบยาก แต่นโยบายที่รัฐบาลใช้เป็นนโยบายที่เปิดเผยไม่มีการปกปิด สถานการณ์เป็นอย่างไรเราก็รายงานอย่างนั้น และแสดงให้เห็นว่าเรามีระบบติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที
วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 (บน.6) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการแก้ปัญหาหลังมีการระบาดของเชื้อหวัดใหญ่ 2009 ในประเทศไทยว่า ขณะนี้มี 3 จุดที่ต้องเข้าไปดูแลใกล้ชิด คือพัทยา ภูเก็ต และโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนนั้น เราได้หารือกันตั้งแต่เปิดเทอมว่า เป็นจุดที่ต้องมีการระมัดระวังเป็นพิเศษ หากมีความจำเป็นต้องหยุดเรียนหรือปิดโรงเรียนก็ให้ดำเนินการได้ ขณะนี้เมื่อมีการรายงานหรือมีความสงสัยในพื้นที่ใด จะเข้าไปตรวจสอบอย่างเข้มข้นเพื่อนำผู้ติดเชื้อมาดูแลรักษาโดยเร็วเพื่อ ป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาขณะนี้คือไม่รู้ว่าเด็กนักเรียนไปติดเชื้อมาจากที่ใด รัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องใช้มาตรการเดียวที่ทำกับที่พัทยา อย่างกรณีนี้พอทางการไต้หวันแจ้งมาว่าพบนักท่องเที่ยวที่กลับมาจากพัทยาติด เชื้อก็เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ทันที กรณีของโรงเรียนเราจะดำเนินการในมาตรการเดียวกัน
เมื่อถามว่า การที่องค์การอนามัยโลก (ฮู) ได้ปรับระดับการแพร่ระบาดของโรคขึ้นไปเป็นระดับ 6 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราก็คงมีการปรับมาตรการตามเกณฑ์ ขณะนี้การเข้าไปดูแลของเราค่อนข้างจะรวดเร็ว ถ้าเราตื่นตัวทำงานอย่างใกล้ชิดขนาดนี้เชื่อว่าควบคุมได้
เมื่อถามว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ทำงานช้าไปหรือไม่ ที่เพิ่งเรียกผู้บริหารและผู้ประกอบการโรงเรียนทั่วกทม.มาหารือกันในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงเรามีคณะกรรมการอำนวยการระดับชาติอยู่แล้ว แต่ถ้ามีความจำเป็นในท้องถิ่น หรือในแต่ละพื้นที่ที่จะมีการเสริมเข้ามาก็เป็นเรื่องทำได้ แค่คิดว่าขณะนี้เป็นสถานการณ์ที่เรายังบริหารจัดการได้เพราะจะเห็นว่าทุกรายที่ติดเชื้อ ที่ผ่านมาเราสามารถดูแลรักษาหายกลับบ้านได้ มีการติดตามความเคลื่อนไหวว่าผู้ที่ติดเชื้อไปที่ไหนอย่างไร แต่ต้องยอมรับว่าเชื้อมันเริ่มต้นมาจากต่างประเทศและอาการของผู้ที่เดินทาง ไม่ได้ปรากฏชัดตั้งแต่แรก อย่างบางประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งไปถึงหลักพัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เพราะมีการเดินทางไปมาหาสู่กัน แต่เราวางระบบและแนวปฏิบัติไว้หากเราสามารถทำอย่างนี้ได้ในทุกพื้นที่ ถึงแม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นบ้างแต่เราสามารถบริหารจัดการได้ ที่สำคัญที่สุดต้องพยายามไม่ให้มีใครเสียชีวิต
เมื่อถามว่า การพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับทัศนคติของผู้เดินทางอย่างตนเดินทางไปในหลายประเทศ ได้พูดคุยกับผู้บริหารของหลายๆ ประเทศก็มีความหลากหลาย บางประเด็นไม่วิตกกังวลเท่าไหร่โดยให้เหตุผลว่าอัตราผู้เสียชีวิตต่ำกว่าไข้หวัดใหญ่ธรรมดาด้วยซ้ำ แต่บางประเทศแสดงความกังวลเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องใหม่ไม่แน่ใจว่าจะมีพัฒนาการอย่างไรจึงเป็นเรื่องที่ตอบยาก แต่นโยบายที่รัฐบาลใช้เป็นนโยบายที่เปิดเผยไม่มีการปกปิด สถานการณ์เป็นอย่างไรเราก็รายงานอย่างนั้น และแสดงให้เห็นว่าเรามีระบบติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที