xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ติดหวัดมรณะโผล่รายที่ 10 เป็นหญิงวัย 20 ปี เตือนรับน้องแปลกเสี่ยงติด "โรคจูบกัน"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สธ.ประกาศขึ้นทะเบียนผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รายที่ 10 เป็นหญิงติดเชื้อมาจากต่างประเทศ ขณะนี้ไข้ลดลง อาการดีขึ้น ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิด 4 รายอยู่ในระบบติดตามของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างใกล้ชิด ยังไม่พบรายใดผิดปกติ ขณะที่ผู้ป่วยรายที่ 9 อาการดีขึ้นมาก ขณะนี้ยังอยู่โรงพยาบาล ด้านผู้ทรงคุณวุฒิโรคติดเชื้อ เตือนสถาบันศึกษารับน้องแปลกประหลาด ส่งลูกอมเม็ดเดียวให้น้องอมต่อกันจนละลายหมดเม็ด เสี่ยงติดเชื้อหลายโรค อันตรายสุดๆ พร้อมเรียกประชุมบริษัทเอเจนซี่ –หน่วยงานให้ทุน-ศธ.ที่ส่งคนไทยทำงานและเรียนในต่างประเทศ 9 มิ.ย.นี้ รับทราบข้อปฏิบัติก่อนกลับไทย วอนอย่าชะล่าใจหากป่วยให้แจ้งสธ.ทันที ป้องกันแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในประเทศ ห่วงเป็นไปได้ไวรัสพันธุ์ใหม่ 2009 ผสมสายพันธุ์ฤดูกาลในไทย แต่บอกไม่ได้รุนแรงหรือไม่

วันนี้ (8 มิ.ย.) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวความคืบหน้าการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ว่า ในวันนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศขึ้นทะเบียนพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ในประเทศไทยเพิ่มอีก 1 ราย เป็นหญิง อายุ 20 ปี นับเป็นรายที่ 10 โดยติดเชื้อมาจากต่างประเทศ ขณะนี้แพทย์ได้รับตัวไว้ดูแลรักษาในโรงพยาบาล โดยได้ส่งทีมสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว ติดตามเฝ้าระวังผู้สัมผัสใกล้ชิด เพื่อควบคุมป้องกันการแพร่เชื้ออย่างเต็มที่

นายวิทยากล่าวต่อว่า แม้ว่าโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 จะมีอาการไม่รุนแรงเท่าไข้หวัดนกก็ตาม มีอัตราเสียชีวิตไม่ถึงร้อยละ 1 ก็ตาม แต่กระทรวงสาธารณสุขยังคงใช้ระบบการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจายในประเทศ โดยขณะนี้สถานการณ์แพร่ระบาดของไทยจัดอยู่ในระดับบี คือ มีการติดต่อในครอบครัวแต่ยังไม่แพร่กระจายสู่ชุมชน และสามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากโรคนี้มากับคน ซึ่งมีการเคลื่อนย้ายตลอดเวลา จึงมุ่งเน้นที่การค้นหาและให้การดูแลรักษาอย่างรวดเร็ว ก็จะมีความปลอดภัยทั้งชีวิต และทำให้ประเทศไทยไม่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งจะทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวมีความมั่นใจยิ่งขึ้น

นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวว่า ผู้ป่วยรายที่ 10 นี้เดินทางไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 และเดินทางกลับถึงไทยเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2552 เวลา 12.00 น. เริ่มป่วยด้วยอาการปวดศีรษะ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2552 ได้ส่งตัวอย่างเสมหะในลำคอตรวจทางไวรัสวิทยา ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลการตรวจยืนยันเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 (H1N1) ขณะนี้อาการทั่วไปดีขึ้น ไข้ลดลงแล้ว แพทย์ได้ให้กินยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ จนครบ 5 วัน

ผู้ป่วยรายดังกล่าวมีผู้สัมผัสใกล้ชิด 4 ราย ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งทีมสอบสวนโรค (ทีม SRRT) ไปสอบสวนโรคและเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิดที่บ้าน เป็นเวลา 3 วัน พร้อมให้คำแนะนำให้พักอยู่ในบ้าน ลดกิจกรรมที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น ล้างมือบ่อยๆ ใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่สู้ผู้อื่น จนถึงวันนี้ยังไม่พบรายใดมีอาการผิดปกติ

นพ.ปราชญ์ กล่าวต่อว่า ส่วนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 รายที่ 9 ที่กำลังรักษาตัวที่โรงพยาบาล ขณะนี้อาการทั่วไปดีขึ้นมาก ไข้ลดลงจนเป็นปกติแล้ว ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดทั้ง 6 ราย ยังไม่มีรายใดมีอาการผิดปกติ โดยเจ้าหน้าที่จะทำการติดตามจนพ้นระยะอันตรายคือครบ 7 วัน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง ซึ่งคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ทั่วไป ผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและมีอาการป่วยอาจไม่สนใจ หรือไม่คิดว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ จึงอาจแพร่เชื้อให้แก่ผู้ใกล้ชิด เช่นสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงาน และเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดกว้างขวางในประเทศต่อไปได้ ดังนั้นจึงขอให้ผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศทุกคน หากมีอาการไม่สบาย เช่นมีน้ำมูกไหล มีไข้ต่ำๆ ไอ เจ็บคอ แม้จะอาการเพียงเล็กน้อยก็ตาม ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการเดินทางกลับมาจากต่างประเทศเพื่อได้รับยารักษาตั้งแต่เนิ่นๆ และต้องขอความร่วมมือสถานพยาบาลทุกแห่ง ให้เคร่งครัดการตรวจรักษาผู้ป่วยที่มีอาการเหล้านี้และมีประวัติเดินทางกลับจากต่างประเทศเป็นพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในประเทศได้ผลดี หากมีข้อสงสัย สามารถขอรับคำปรึกษาแนะนำได้ที่สายด่วนไข้หวัดใหญ่หมายเลข 0-2590-3333 และ 0-2590-1994 ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ทั่วโลก องค์การอนามัยโลกรายงานเมื่อเช้าวันนี้ ตามเวลาในประเทศไทย มีผู้ป่วยยืนยันผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ใน ใน 69 ประเทศ รวมผู้ป่วยทั้งหมดจำนวน 21,940 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 8 ราย รวมผู้เสียชีวิตทั้งหมด 125 ราย ใน 4 ประเทศ ดังนี้ เม็กซิโก 103 ราย สหรัฐอเมริกา 17 ราย แคนาดา 3 ราย ชิลี 1 ราย และคอสตาริกา 1 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 0.57 สำหรับประเทศไทย มีผู้ป่วยยืนยัน 10 ราย และมีผู้ป่วยในข่ายเฝ้าระวัง อยู่ระหว่างการสอบสวนโรคและตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ 6 ราย ยังไม่พบการระบาดในพื้นที่

ทางด้าน รองศาสตราจารย์(พิเศษ) นายแพทย์ ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านโรคติดเชื้อ กรมการแพทย์ กล่าวว่า สิ่งที่น่าห่วงขณะนี้พบว่ามีวัยรุ่นในสถานศึกษา มีพฤติกรรมรับน้องที่แปลกประหลาดและพิสดาร โดยให้อมลูกอมเม็ดเดียว แล้วให้รุ่นน้องอมต่อๆกัน โดยการส่งลูกอมต่อกันด้วยปาก จนลูกอมละลายหมดเม็ด ซึ่งเสี่ยงต่อการติดโรคต่างๆ ที่ติดต่อกันทางน้ำลาย ได้ เช่น เอชไอวี โรคไวรัสตับอักเสบเอ โรคไวรัสซีเอ็มวี ไวรัส อีบีวี หรือเรียกว่าโรคจูบกัน พบมากในวัยรุ่นต่างประเทศ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ก็มีโอกาสติดได้ง่ายเช่นเดียวกัน จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะเป็นการแพร่เชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่กันโดยตรง ควรหลีกเลี่ยงวิธีการรับน้องแบบนี้

** สธ.เรียกประชุมบริษัทเอเจนซี่ –หน่วยงานให้ทุน-ศธ. ทราบข้อปฏิบัติก่อนกลับไทย

วันเดียวกัน นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ สธ.จะเชิญบริษัทเอเจนซี่ที่ทำหน้าที่ในการจัดส่งคนไทยไปทำงานและท่องเที่ยวในประเทศสหรัฐอเมริกาช่วงระยะสั้น 3 รวมถึงหน่วยงานที่มีการมอบทุนให้นักเรียน นักศึกษาไทยไปศึกษาต่อในต่างประเทศ และกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) มาประชุมหารือร่วมกัน สร้างความเข้าใจให้กับนักเรียน นักศึกษาในความดูแลที่กำลังจะเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง โดยหากพบว่าป่วยระหว่างการเดินทางให้รีบแจ้งให้สธ.ทราบ แต่หากไม่ป่วยควรจะหยุดอยู่กับบ้านอย่างน้อย 3 วัน พร้อมทั้งสำรวจจำนวนที่แน่นอนของนักเรียนที่จะเดินทางกลับใน 1-2 สัปดาห์นี้ด้วย เพื่อเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับมาตรการการเฝ้าระวัง

“เด็กนักเรียนที่ไปเรียนและทำงานช่วงสั้นๆในต่างประเทศอาจจะรู้สึกว่าโรคนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาในประเทศที่เขาเดินทางไป แต่เมื่อกลับมาประเทศไทยอาจจะรู้สึกว่ามีมาตรการที่เข้มกว่าธรรมดา จึงต้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบนักเรียนส่งสัญญาณให้เข้าใจในมาตรการที่สธ.จะต้องดำเนินการด้วย รวมถึงบริษัททัวร์บางแห่งที่ต้องรับผิดชอบลูกทัวร์จำนวนมากเห็นว่าไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง ทำให้ไม่แจ้งเจ้าหน้าที่หากมีลูกทัวร์ป่วยเป็นไข้เพียง 1 คนให้เพียงยาลดไข้กับผู้ป่วยเท่านั้น เนื่องจากเกรงจะกระทบกับการเดินทางท่องเที่ยวของลูกทัวร์คนอื่นหากจะเป็นผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังโรคในฐานะที่เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ซึ่งการกระทำเช่นนี้อาจทำให้เชื้อแพร่เป็นวงกว้างจนเกิดผู้ป่วยพร้อมกันจำนวนมากได้"นพ.ไพจิตร์กล่าว

นพ.ไพจิตร์ กล่าวด้วยว่า ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ในขณะนี้คือการพยายามป้องกันไม่ให้เกิดผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 พร้อมกันเป็นจำนวนมาก เช่น 20 คนหรือ 30 คนเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น เพราะจะทำให้การควบคุมโรคทำได้ยากมากขึ้น ซึ่งปัจจัยที่อาจจะส่งผลให้เกิดกรณีเช่นนี้ อาจเนื่องมาจากผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แสดงอาการเพียงเล็กน้อยจึงไม่ใส่ใจที่จะรายงานให้สธ.ทราบ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยอาจจำเป็นต้องมีการทบทวนเกี่ยวกับทิศทางมาตรการการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพื่อให้ทราบว่ามาตรการที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้มีความเหมาะสมสมควรแล้วหรือไม่ หรือเป็นมาตรการที่มากเกินความจำเป็น ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนจะพิจารณาปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมมาตรการ

นพ.ไพจิตร์ กล่าวอีกว่า สำหรับประเทศไทยระหว่างเดือนมิถุนายน – สิงหาคมเป็นช่วงการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ตามฤดูกาล ซึ่งหากมีการพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009เพิ่มมากขึ้น ตามหลักวิชาการก็มีความเป็นไปได้ที่ไวรัส 2 สายพันธุ์นี้จะผสมกัน กลายเป็นสายพันธุ์ใหม่ ที่แพร่กระจายได้มากขึ้นเพราะเป็นสายพันธุ์ที่คนไทยยังไม่มีภูมิต้านทาน ส่วนจะมีความรุนแรงมากเพียงใดไม่สามารถบอกได้ จนกว่าจะพบผู้ป่วยที่เป็นกรณีศึกษา อย่างไรก็ตาม หากประชาชนดูแลตนเองตามวิธีการป้องกันการติดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009ที่สธ.ประชาสัมพันธ์ให้รับรู้ อาจจะส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ตามฤดูกาลในไทยลดลงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากวิธีการป้องกันการติดโรคไข้หวัดใหญ่แต่ละสายพันธุ์ไม่แตกต่างกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น