ก.สาธารณสุข ดึงทุกหน่วยงานของประเทศร่วมมือพร้อมรับการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ในประเทศไทย ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งเตรียมพร้อมรับมือหากองค์การอนามัยโลกประกาศยกระดับความรุนแรงของการระบาดเป็นระดับ 6 ด้วย ล่าสุด จะประสานงาน ก.ศึกษาฯ ดูแลติดตามเฝ้าระวังใกล้ชิดกลุ่มนักศึกษาที่จะกลับจากฝึกประสบการณ์ต่างประเทศ ขณะที่ ก.แรงงาน สั่งทุกสถานประกอบการคุมเข้ม
นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1 ภายหลังประชุมศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขว่า มาตรการต่างๆ ที่กระทรวงสาธารณสุขเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1เอ็น1 ภายในประเทศ ที่เริ่มเปลี่ยนจากการพบผู้ป่วยติดเชื้อจากภายนอกประเทศ มาเป็นการพบผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศ พร้อมรองรับในกรณีที่องค์การอนามัยโลกพิจารณาประกาศเลื่อนระดับความรุนแรงของการแพร่ระบาด เป็นระดับ 6 ได้พร้อมกันด้วย โดยการดำเนินงานจะยกความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ เป็นความร่วมมือระดับประเทศ ตามยุทธศาสตร์แผนรับมือการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ชาติ
นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ประกอบด้วยการประสานและสั่งการ โดยจะตั้งคณะอนุกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นกลไกประสานงานระดับชาติ ด้านการแพทย์และสาธารณสุข จะทำหน้าที่เฝ้าระวัง ควบคุมโรค รักษาผู้ป่วย แนะนำดูแลผู้ป่วยที่บ้านในรายที่อาการไม่รุนแรง มีกระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบ ด้านการสร้างเสริมพฤติกรรมและวัฒนธรรมสุขภาพ เร่งขยายการรณรงค์สร้างเสริมพฤติกรรมป้องกันโรคในชุมชนให้กว้างขวาง มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ รับผิดชอบในโรงเรียน ส่วนกระทรวงแรงงาน รับผิดชอบในโรงงาน ด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ขยายการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้มีการป้องกันโรคในวงกว้าง มีกรมประชาสัมพันธ์ รับผิดชอบ และในด้านการดูแลความสงบเรียบร้อย กรณีการระบาดขยายตัวในอนาคต ซึ่งอาจจะต้องปิดโรงเรียนหรือสถานที่ที่มีการแพร่ระบาด จะมีกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบ
รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า มาตรการสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศให้อยู่ในวงจำกัด คือการค้นหาผู้ป่วยและให้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะต้องสร้างความเข้าใจให้ผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงทุกคน สนใจ เฝ้าระวังสังเกตอาการตนเอง รีบไปพบแพทย์เมื่อรู้สึกไม่สบาย และรู้วิธีป้องกันตัว ไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่น เช่น ใช้หน้ากากอนามัย หรือใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากจมูกเวลาไอจาม หลีกเลี่ยงการพบปะสัมผัสผู้อื่นในช่วง 7 วันหลังกลับจากการเดินทาง เป็นต้น
สำหรับกลุ่มนักศึกษาโครงการพิเศษ ที่เดินทางไปฝึกประสบการณ์ในช่วงปิดภาคการศึกษาในต่างประเทศ ซึ่งจะเดินทางกลับมาลงทะเบียนเรียนในภาคการศึกษาใหม่ ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ กระทรวงสาธารณสุขจะขอความร่วมมือบริษัทที่รับดำเนินการ กระทรวงศึกษาธิการ มหาวิทยาลัย หรือสถานศึกษาที่เกี่ยวข้อง เพื่อเอาใจใส่ติดตามดูแลนักศึกษากลุ่มนี้เป็นพิเศษ และรายงานให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทราบ หากเด็กมีอาการป่วย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในสถาบันการศึกษา โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและสำนักควบคุมโรคในพื้นที่ จะเข้าไปประสานการดูแลอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือในการเฝ้าระวังภายในโรงเรียนและโรงงาน ว่า กระทรวงแรงงานได้ให้หน่วยงานภายในสังกัดทั่วประเทศ ให้ทำหนังสือแจ้งเตือน และประสานไปยัง สถานประกอบการทุกขนาดกว่า 350,000 แห่ง ทั่วประเทศ เพื่อขอความร่วมมือให้นายจ้างและลูกจ้างใส่ใจในสุขอนามัยตามสถานที่ทำงานและหอพักของพนักงานให้สะอาด มีอากาศถ่ายเทได้ตลอดเวลา พร้อมทั้งให้ความรู้และวิธีการป้องกันโรคดังกล่าวตามวิธีการที่กระทรวงสาธารสุขแนะนำ คือ กินของร้อน ใช้ช้อนกลาง และหมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ รวมถึงส่งเสริมให้ผู้ใช้แรงงานออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ จะได้มีภูมิคุ้มกันป้องกันโรคได้
สำหรับสถานการณ์ในขณะนี้ ยังไม่มีรายงานการติดเชื้อในโรงงาน ส่วนแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในต่างประเทศ นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้ทูตแรงงานไทยในต่างประเทศ เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งล่าสุด ยังไม่พบแรงงานไทยในต่างประเทศติดเชื้อเช่นกัน
นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1 ภายหลังประชุมศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขว่า มาตรการต่างๆ ที่กระทรวงสาธารณสุขเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1เอ็น1 ภายในประเทศ ที่เริ่มเปลี่ยนจากการพบผู้ป่วยติดเชื้อจากภายนอกประเทศ มาเป็นการพบผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศ พร้อมรองรับในกรณีที่องค์การอนามัยโลกพิจารณาประกาศเลื่อนระดับความรุนแรงของการแพร่ระบาด เป็นระดับ 6 ได้พร้อมกันด้วย โดยการดำเนินงานจะยกความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ เป็นความร่วมมือระดับประเทศ ตามยุทธศาสตร์แผนรับมือการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ชาติ
นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ประกอบด้วยการประสานและสั่งการ โดยจะตั้งคณะอนุกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นกลไกประสานงานระดับชาติ ด้านการแพทย์และสาธารณสุข จะทำหน้าที่เฝ้าระวัง ควบคุมโรค รักษาผู้ป่วย แนะนำดูแลผู้ป่วยที่บ้านในรายที่อาการไม่รุนแรง มีกระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบ ด้านการสร้างเสริมพฤติกรรมและวัฒนธรรมสุขภาพ เร่งขยายการรณรงค์สร้างเสริมพฤติกรรมป้องกันโรคในชุมชนให้กว้างขวาง มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ รับผิดชอบในโรงเรียน ส่วนกระทรวงแรงงาน รับผิดชอบในโรงงาน ด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ขยายการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้มีการป้องกันโรคในวงกว้าง มีกรมประชาสัมพันธ์ รับผิดชอบ และในด้านการดูแลความสงบเรียบร้อย กรณีการระบาดขยายตัวในอนาคต ซึ่งอาจจะต้องปิดโรงเรียนหรือสถานที่ที่มีการแพร่ระบาด จะมีกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบ
รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า มาตรการสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศให้อยู่ในวงจำกัด คือการค้นหาผู้ป่วยและให้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะต้องสร้างความเข้าใจให้ผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงทุกคน สนใจ เฝ้าระวังสังเกตอาการตนเอง รีบไปพบแพทย์เมื่อรู้สึกไม่สบาย และรู้วิธีป้องกันตัว ไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่น เช่น ใช้หน้ากากอนามัย หรือใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากจมูกเวลาไอจาม หลีกเลี่ยงการพบปะสัมผัสผู้อื่นในช่วง 7 วันหลังกลับจากการเดินทาง เป็นต้น
สำหรับกลุ่มนักศึกษาโครงการพิเศษ ที่เดินทางไปฝึกประสบการณ์ในช่วงปิดภาคการศึกษาในต่างประเทศ ซึ่งจะเดินทางกลับมาลงทะเบียนเรียนในภาคการศึกษาใหม่ ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ กระทรวงสาธารณสุขจะขอความร่วมมือบริษัทที่รับดำเนินการ กระทรวงศึกษาธิการ มหาวิทยาลัย หรือสถานศึกษาที่เกี่ยวข้อง เพื่อเอาใจใส่ติดตามดูแลนักศึกษากลุ่มนี้เป็นพิเศษ และรายงานให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทราบ หากเด็กมีอาการป่วย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในสถาบันการศึกษา โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและสำนักควบคุมโรคในพื้นที่ จะเข้าไปประสานการดูแลอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือในการเฝ้าระวังภายในโรงเรียนและโรงงาน ว่า กระทรวงแรงงานได้ให้หน่วยงานภายในสังกัดทั่วประเทศ ให้ทำหนังสือแจ้งเตือน และประสานไปยัง สถานประกอบการทุกขนาดกว่า 350,000 แห่ง ทั่วประเทศ เพื่อขอความร่วมมือให้นายจ้างและลูกจ้างใส่ใจในสุขอนามัยตามสถานที่ทำงานและหอพักของพนักงานให้สะอาด มีอากาศถ่ายเทได้ตลอดเวลา พร้อมทั้งให้ความรู้และวิธีการป้องกันโรคดังกล่าวตามวิธีการที่กระทรวงสาธารสุขแนะนำ คือ กินของร้อน ใช้ช้อนกลาง และหมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ รวมถึงส่งเสริมให้ผู้ใช้แรงงานออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ จะได้มีภูมิคุ้มกันป้องกันโรคได้
สำหรับสถานการณ์ในขณะนี้ ยังไม่มีรายงานการติดเชื้อในโรงงาน ส่วนแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในต่างประเทศ นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้ทูตแรงงานไทยในต่างประเทศ เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งล่าสุด ยังไม่พบแรงงานไทยในต่างประเทศติดเชื้อเช่นกัน
