“ศูนย์ภัยพิบัติแห่งเอเชีย” เสนอฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ สปภ.รับมือภัยพิบัติสารพัดชนิด ทั้งแผ่นดินไหว ตึกถล่ม เพลิงไหม้ ยันสารพิษ เตรียมความพร้อมเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ขณะที่กทม.เสนอโรงพยาบาลวชิระเข้าแผนอบรมรับมือภาวะฉุกเฉินนำร่องในเมืองไทย
นางมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับ นายพิจิตต รัตตกุล ผู้อำนวยการศูนย์ภัยพิบัติแห่งเอเชีย (Asian Disaster Preparedness Center หรือ adpc) และคณะ ว่า ทาง adpc ได้เสนอที่จะให้ความช่วยเหลือกับกทม.ผ่านทางสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) ในโครงการพัฒนาศักยภาพในการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติในเมืองใหญ่ซึ่งมีธนาคารโลก (World Bank) เป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ และ adpc เป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านเครื่องมือและบุคลากร ทั้งนี้ กทม.ได้ตอบรับข้อเสนอของทาง adpc โดยจะมีการปรับโครงสร้างของสปภ.เพื่อให้มีความพร้อมในการรับมือทั้งในส่วนของการป้องกันภัยบนตึกสูงกรณีแผ่นดินไหว ตึกถล่ม เพลิงไหม้ และการรั่วไหลของสารพิษ พร้อมทั้งส่งเจ้าหน้าที่ไปอบรมทักษะความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อาทิ การผจญเหตุบนตึกสูง หรือในชุมชนแออัด ตลอดจน ภาระกิจการค้นหาและช่วยเหลือซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีความแตกต่างกัน อาทิ พื้นที่ย่านบางรัก ประตูน้ำ มีตึกสูงจำนวนมากก็จะให้มีเจ้าหน้าที่ สปภ.ที่มีทักษะในการผจญเหตุบนตึกสูง ขณะที่เขตคลองเตย มีชุมชนแออัดจำนวนมาก ตลอดจนเคยมีเหตุการณ์รั่วไหลของสารพิษก็จะต้องมีเจ้าหน้าที่ สปภ.ที่เชี่ยวชาญในการผจญเหตุด้านนี้โดยตรงซึ่งทาง adpc จะฝึกอบรมทักษะด้านนี้ให้กับเรา
นอกจากนี้ กทม.ยังได้เสนอโรงพยาบาลวชิรพยาบาลเข้าร่วมโครงการนำร่องโรงพยาบาลสำหรับรับมือภาวะฉุกเฉินร่วมกับอีก 8 โรงพยาบาลทั่วภูมิภาคเอเชียที่ได้เข้าร่วมโครงการไปแล้วก่อนหน้านี้เพื่อให้เป็นต้นแบบการช่วยเหลือเมื่อต้องรับมือกับผู้ประสบเหตุจำนวนมากในเวลาเดียวกัน หรือแม้แต่โรงพยาบาลเกิดเหตุไฟไหม้ ตึกถล่มเอง ซึ่งโครงการนี้ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและองค์การสหประชาชาติ( UN)
นางมาลินีกล่าวอีกว่า โครงการที่ทาง adpc ได้นำเสนอให้แก่กทม.นั้น เป็นโครงการให้เปล่าซึ่ง กทม.ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ หลังจากนี้จะเป็นการให้ สปภ.ดำเนินการเขียนและสรุปโครงการเพื่อนำเสนอให้ผู้ว่าฯ กทม.พิจารณาอนุมัติต่อไป ทั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์น่าจะแล้วเสร็จ จากนั้นจึงจะเสนอโครงการให้ธนาคารโลกอนุมติงบประมาณจำนวน 6.9 ล้านบาทต่อไป
ด้าน นายพิจิตต กล่าวอีกว่า ภาวะโลกร้อนทำให้เกิดภัยพิบัติต่างๆตามมา อีกทั้งกทม.มีความเสี่ยงและล่อแหลมต่อการเกิดภัยพิบัติทั้งการขยายตัวของเมือง ความหนาแน่นของประชาชน ความเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงจำเป็นที่เมืองใหญ่จะต้องเตรียมการรับมือซึ่งที่ผ่านมาทาง adpc ได้ให้ความช่วยเหลือผ่านโครงการต่างๆ มาแล้ว 81 โครงการแก่ประเทศต่างๆ มาแล้ว เช่น เมืองนิวเดลี ประเทศอินเดีย กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมืองคุนหมิง ประเทศจีน และเมืองดักการ์ แต่มีโครงการที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยเพียง 2-3 โครงการเท่านั้น
ดังนั้น ทาง adpc จึงยินดีเสนอโครงการความร่วมมือเพื่อเป็นประโยชน์แก่ กทม.เพื่อให้ กทม.มีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์และเหตุการณ์ฉุกเฉินให้มีมาตรฐานสากลโดยนำเอาจุดแข็งที่ adpc เป็นศูนย์ฝึกอบรมมาที่มีผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆมาฝึกอบรมให้กับกทม.นอกจากนี้ ตนเห็นว่าควรที่จะให้ชาวชุมชนมีส่วนร่วมการบริหารจัดการความเสี่ยงนี้ด้วย เช่นอาจจะมีการฝึกอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ อปพร. เป็นต้น
นางมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับ นายพิจิตต รัตตกุล ผู้อำนวยการศูนย์ภัยพิบัติแห่งเอเชีย (Asian Disaster Preparedness Center หรือ adpc) และคณะ ว่า ทาง adpc ได้เสนอที่จะให้ความช่วยเหลือกับกทม.ผ่านทางสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) ในโครงการพัฒนาศักยภาพในการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติในเมืองใหญ่ซึ่งมีธนาคารโลก (World Bank) เป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ และ adpc เป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านเครื่องมือและบุคลากร ทั้งนี้ กทม.ได้ตอบรับข้อเสนอของทาง adpc โดยจะมีการปรับโครงสร้างของสปภ.เพื่อให้มีความพร้อมในการรับมือทั้งในส่วนของการป้องกันภัยบนตึกสูงกรณีแผ่นดินไหว ตึกถล่ม เพลิงไหม้ และการรั่วไหลของสารพิษ พร้อมทั้งส่งเจ้าหน้าที่ไปอบรมทักษะความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อาทิ การผจญเหตุบนตึกสูง หรือในชุมชนแออัด ตลอดจน ภาระกิจการค้นหาและช่วยเหลือซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีความแตกต่างกัน อาทิ พื้นที่ย่านบางรัก ประตูน้ำ มีตึกสูงจำนวนมากก็จะให้มีเจ้าหน้าที่ สปภ.ที่มีทักษะในการผจญเหตุบนตึกสูง ขณะที่เขตคลองเตย มีชุมชนแออัดจำนวนมาก ตลอดจนเคยมีเหตุการณ์รั่วไหลของสารพิษก็จะต้องมีเจ้าหน้าที่ สปภ.ที่เชี่ยวชาญในการผจญเหตุด้านนี้โดยตรงซึ่งทาง adpc จะฝึกอบรมทักษะด้านนี้ให้กับเรา
นอกจากนี้ กทม.ยังได้เสนอโรงพยาบาลวชิรพยาบาลเข้าร่วมโครงการนำร่องโรงพยาบาลสำหรับรับมือภาวะฉุกเฉินร่วมกับอีก 8 โรงพยาบาลทั่วภูมิภาคเอเชียที่ได้เข้าร่วมโครงการไปแล้วก่อนหน้านี้เพื่อให้เป็นต้นแบบการช่วยเหลือเมื่อต้องรับมือกับผู้ประสบเหตุจำนวนมากในเวลาเดียวกัน หรือแม้แต่โรงพยาบาลเกิดเหตุไฟไหม้ ตึกถล่มเอง ซึ่งโครงการนี้ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและองค์การสหประชาชาติ( UN)
นางมาลินีกล่าวอีกว่า โครงการที่ทาง adpc ได้นำเสนอให้แก่กทม.นั้น เป็นโครงการให้เปล่าซึ่ง กทม.ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ หลังจากนี้จะเป็นการให้ สปภ.ดำเนินการเขียนและสรุปโครงการเพื่อนำเสนอให้ผู้ว่าฯ กทม.พิจารณาอนุมัติต่อไป ทั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์น่าจะแล้วเสร็จ จากนั้นจึงจะเสนอโครงการให้ธนาคารโลกอนุมติงบประมาณจำนวน 6.9 ล้านบาทต่อไป
ด้าน นายพิจิตต กล่าวอีกว่า ภาวะโลกร้อนทำให้เกิดภัยพิบัติต่างๆตามมา อีกทั้งกทม.มีความเสี่ยงและล่อแหลมต่อการเกิดภัยพิบัติทั้งการขยายตัวของเมือง ความหนาแน่นของประชาชน ความเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงจำเป็นที่เมืองใหญ่จะต้องเตรียมการรับมือซึ่งที่ผ่านมาทาง adpc ได้ให้ความช่วยเหลือผ่านโครงการต่างๆ มาแล้ว 81 โครงการแก่ประเทศต่างๆ มาแล้ว เช่น เมืองนิวเดลี ประเทศอินเดีย กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมืองคุนหมิง ประเทศจีน และเมืองดักการ์ แต่มีโครงการที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยเพียง 2-3 โครงการเท่านั้น
ดังนั้น ทาง adpc จึงยินดีเสนอโครงการความร่วมมือเพื่อเป็นประโยชน์แก่ กทม.เพื่อให้ กทม.มีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์และเหตุการณ์ฉุกเฉินให้มีมาตรฐานสากลโดยนำเอาจุดแข็งที่ adpc เป็นศูนย์ฝึกอบรมมาที่มีผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆมาฝึกอบรมให้กับกทม.นอกจากนี้ ตนเห็นว่าควรที่จะให้ชาวชุมชนมีส่วนร่วมการบริหารจัดการความเสี่ยงนี้ด้วย เช่นอาจจะมีการฝึกอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ อปพร. เป็นต้น
