กทม.หารือองคมนตรี และเลขาธิการ กปร.แลกเปลี่ยนข้อมูลของแต่ละหน่วยงานให้เข้าใจร่วมกัน พร้อมประสานบริหารน้ำลุ่มเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด หลังพบฝนตกมากกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปี ในช่วง ม.ค.-ปัจจุบัน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงการเข้าหารือกับองคมนตรีและเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำในปี 2552 เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ว่า มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลของแต่ละหน่วยงานให้เข้าใจร่วมกัน ทั้งในส่วนของ กทม.กรมชลประทาน และหน่วยงานอื่น โดย กทม.ได้รายงานการดำเนินโครงการแก้มลิงพระราชดำริให้ทราบ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริว่า การจัดการน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากมีแก้มลิง 2 แห่ง คือ บึงมะขามเทศ และบึงสะแกงามสามเดือน สามารถรองรับน้ำจากน้ำฝนและน้ำเหนือได้เพียงพอ แต่ที่น่าห่วงคือพื้นที่ฝั่งตะวันตกที่มีบึงเพียงแห่งเดียว คือ คลองสนามชัย-มหาชัย อีกทั้งภูมิประเทศของคลองในพื้นที่ตะวันออกยังมีคลองขวางการไหลของน้ำจากบนลงล่าง ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำลงทะเลได้อย่างสะดวก
นอกจากนั้น พบว่า ปริมาณฝนปีนี้มากกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปี ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยตั้งแต่เดือน ม.ค.-18 พ.ค.2552 ปริมาณน้ำฝนสะสมกว่า 500 มิลลิเมตร ถือเป็น 2 เท่าของปริมาณค่าเฉลี่ย 30 ปี อีกทั้งยังมากกว่าครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยปริมาณฝนปีนี้ด้วยซึ่งตลอดทั้งปีมีฝนเฉลี่ย 1,100-1,200 มิลลิเมตร ทั้งนี้ จากการรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่เตือนว่าในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน จะมีฝนตกอย่างหนัก นั้น ขณะนี้ กทม.กำลังประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกรมชลประทาน เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและเพื่อลดผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ กทม.ด้วย
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวอีกว่า กทม.จะร่วมมือและประสานข้อมูลกับจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสาคร และกรมชลประทานอย่างใกล้ชิด เพื่อการบริหารจัดการลุ่มน้ำเจ้าพระยาอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งจะเร่งหาพื้นที่จัดทำแก้มลิงเพื่อรองรับน้ำเพิ่มขึ้นให้เพียงพอด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ กทม.สร้างเอาไว้แล้ว เกิดทรุดพังได้ดำเนินการตรวจสอบสั่งซ่อมแซมแล้วหรือไม่ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้ว พบมีมีการทรุดพังประมาณ 3 กิโลเมตร บริเวณคลองบางกอกน้อยซึ่งได้ส่งผลกระทบให้น้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาซึมเข้าบ้านเรือนประชาชน ซึ่งเดิมที่ กทม. ยังสร้างไม่เสร็จอีก 7 กิโลเมตรนั้น จะต้องสร้างเพิ่มในส่วนที่ทรุดพังอีก 3 กม.ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2553 นี้
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงการเข้าหารือกับองคมนตรีและเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำในปี 2552 เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ว่า มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลของแต่ละหน่วยงานให้เข้าใจร่วมกัน ทั้งในส่วนของ กทม.กรมชลประทาน และหน่วยงานอื่น โดย กทม.ได้รายงานการดำเนินโครงการแก้มลิงพระราชดำริให้ทราบ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริว่า การจัดการน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากมีแก้มลิง 2 แห่ง คือ บึงมะขามเทศ และบึงสะแกงามสามเดือน สามารถรองรับน้ำจากน้ำฝนและน้ำเหนือได้เพียงพอ แต่ที่น่าห่วงคือพื้นที่ฝั่งตะวันตกที่มีบึงเพียงแห่งเดียว คือ คลองสนามชัย-มหาชัย อีกทั้งภูมิประเทศของคลองในพื้นที่ตะวันออกยังมีคลองขวางการไหลของน้ำจากบนลงล่าง ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำลงทะเลได้อย่างสะดวก
นอกจากนั้น พบว่า ปริมาณฝนปีนี้มากกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปี ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยตั้งแต่เดือน ม.ค.-18 พ.ค.2552 ปริมาณน้ำฝนสะสมกว่า 500 มิลลิเมตร ถือเป็น 2 เท่าของปริมาณค่าเฉลี่ย 30 ปี อีกทั้งยังมากกว่าครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยปริมาณฝนปีนี้ด้วยซึ่งตลอดทั้งปีมีฝนเฉลี่ย 1,100-1,200 มิลลิเมตร ทั้งนี้ จากการรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่เตือนว่าในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน จะมีฝนตกอย่างหนัก นั้น ขณะนี้ กทม.กำลังประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกรมชลประทาน เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและเพื่อลดผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ กทม.ด้วย
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวอีกว่า กทม.จะร่วมมือและประสานข้อมูลกับจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสาคร และกรมชลประทานอย่างใกล้ชิด เพื่อการบริหารจัดการลุ่มน้ำเจ้าพระยาอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งจะเร่งหาพื้นที่จัดทำแก้มลิงเพื่อรองรับน้ำเพิ่มขึ้นให้เพียงพอด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ กทม.สร้างเอาไว้แล้ว เกิดทรุดพังได้ดำเนินการตรวจสอบสั่งซ่อมแซมแล้วหรือไม่ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้ว พบมีมีการทรุดพังประมาณ 3 กิโลเมตร บริเวณคลองบางกอกน้อยซึ่งได้ส่งผลกระทบให้น้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาซึมเข้าบ้านเรือนประชาชน ซึ่งเดิมที่ กทม. ยังสร้างไม่เสร็จอีก 7 กิโลเมตรนั้น จะต้องสร้างเพิ่มในส่วนที่ทรุดพังอีก 3 กม.ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2553 นี้
