โล่งอก! สธ.แถลงผลตรวจจากห้องปฏิบัติการยันชัด หญิงชาวเยอรมันเสียชีวิตไม่ใช่หวัดใหญ่ 2009 แต่เกิดจาก “ปอดบวม-ไข้หวัดธรรมดา”เผยผู้ตายมีโรคประจำตัว กินยาชนิดหนึ่งมา 1 ปี ทำให้เม็ดเลือดขาวลดภูมิต้านทานร่างกายต่ำ
นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข แถลงผลการตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวหญิงชาวเยอรมัน วัย 65 ปี ว่า ผู้ป่วยได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 พ.ค.และเริ่มมีอาการป่วยวันที่ 16 พ.ค.โดยได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวหิน และอาการไม่ดีขึ้น จึงส่งตัวเข้ามารักษาที่ กทม.ระหว่างนั้นเกิดอาการช็อก จึงส่งเข้ารักษาที่ รพ.ใน จ.สมุทรสาคร และเสียชีวิตลง จากนั้นกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งเพื่อตรวจวิเคราะห์อย่างละเอียด
“ผลการตรวจวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการ ยืนยันว่าหญิงชาวเยอรมันคนดังกล่าว ไม่ได้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ แต่เสียชีวิตจากอาการปอดบวม และเป็นไข้หวัดธรรมดา จึงขอชี้แจงให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน”นายมานิตกล่าว
นายมานิต กล่าวว่า สำหรับการให้ข่าวเรื่องการติดเชื้อหวัดใหญ่พันธุ์ใหม่มีกติกาอยู่แล้ว โดยต้องยึดผลตรวจทางห้องปฏิบัติการอย่างเป็นทางการ เพราะคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์ระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ จะมีการทำงานและประเมินสถานการณ์ร่วมกันหลายๆฝ่าย และมีความชัดเจนที่สุด เพื่อที่จะสรุปข้อมูลสถานการณ์รายงานให้กับคณะกรรมการชุดที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานจึงต้องทำให้เป็นมาตรฐาน
ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดสธ.กล่าวว่า ผลการตรวจวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยัน นักท่องเที่ยวชาวเยอรมันเพศหญิงวัย 65 ปี ที่เสียชีวิตเมื่อคืนนี้(18พ.ค.)ไม่ได้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ใหม่ ชนิด เอ เอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009 แต่อย่างใด แต่พบว่าปอดอักเสบจากการติดเชื้อชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งจะเป็นเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียชนิดใดต้องรอผลการพิสูจน์จากห้องปฏิบัติการอีกครั้งภายใน 3-7 วันนี้
นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จากการซักถามประวัติของผู้เสียชีวิต พบว่า ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว และทานยาชนิดหนึ่งติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งยาดังกล่าวมีผลทำให้จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลง และทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง แม้จะเป็นเชื้อธรรมดาก็ทำให้เสียชีวิตได้ ทั้งนี้เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 จะต้องมีไข้สูง อย่างน้อย 3-7 วันก่อนอาการรุนแรง และจะไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตในช่วงเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งอาการมีความแตกต่างกัน ประกอบกับผลออกมาว่าไม่ใช่ไวรัสไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องกักตัวเฝ้าระวังทีมแพทย์และญาติแต่อย่างใด
“ได้คุยกับแพทย์ที่ตรวจผู้ป่วยเป็นรายแรกยืนยันว่าผู้ป่วยไม่มีไข้ ไม่ไอแต่เจ็บคอและหอบ หลังเสียชีวิตได้ส่งเชื้อตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์สมุทรสงครามพบว่าไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่ ชนิด เอ ส่วนการแถลงข่าวในช่วงบ่ายของสถาบันนิติเวชฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ผมได้ประสานหารือแล้วยืนยันว่า ในการแถลงข่าวผลการชันสูตรศพว่าเป็นเพียงปอดอักเสบไม่ได้ยืนยันว่าเป็นจากไข้หวัดใหญ่ 2009 แต่อย่างใด พร้อมทางนิติเวชยังยืนยันว่าให้รอผลทางห้องปฏิบัติการของสธ.ก่อน ซึ่งผลการส่งเชื้อยืนยันผลที่ศูนย์วิทยาศาสตร์กรมการแพทย์ รวมทั้งส่งตรวจยืนยันที่ห้องปฏิบัติการ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล พบว่าไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่อย่างแน่นอน”นพ.ไพจิตร์ กล่าว
นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข แถลงผลการตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวหญิงชาวเยอรมัน วัย 65 ปี ว่า ผู้ป่วยได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 พ.ค.และเริ่มมีอาการป่วยวันที่ 16 พ.ค.โดยได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวหิน และอาการไม่ดีขึ้น จึงส่งตัวเข้ามารักษาที่ กทม.ระหว่างนั้นเกิดอาการช็อก จึงส่งเข้ารักษาที่ รพ.ใน จ.สมุทรสาคร และเสียชีวิตลง จากนั้นกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งเพื่อตรวจวิเคราะห์อย่างละเอียด
“ผลการตรวจวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการ ยืนยันว่าหญิงชาวเยอรมันคนดังกล่าว ไม่ได้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ แต่เสียชีวิตจากอาการปอดบวม และเป็นไข้หวัดธรรมดา จึงขอชี้แจงให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน”นายมานิตกล่าว
นายมานิต กล่าวว่า สำหรับการให้ข่าวเรื่องการติดเชื้อหวัดใหญ่พันธุ์ใหม่มีกติกาอยู่แล้ว โดยต้องยึดผลตรวจทางห้องปฏิบัติการอย่างเป็นทางการ เพราะคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์ระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ จะมีการทำงานและประเมินสถานการณ์ร่วมกันหลายๆฝ่าย และมีความชัดเจนที่สุด เพื่อที่จะสรุปข้อมูลสถานการณ์รายงานให้กับคณะกรรมการชุดที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานจึงต้องทำให้เป็นมาตรฐาน
ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดสธ.กล่าวว่า ผลการตรวจวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยัน นักท่องเที่ยวชาวเยอรมันเพศหญิงวัย 65 ปี ที่เสียชีวิตเมื่อคืนนี้(18พ.ค.)ไม่ได้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ใหม่ ชนิด เอ เอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009 แต่อย่างใด แต่พบว่าปอดอักเสบจากการติดเชื้อชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งจะเป็นเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียชนิดใดต้องรอผลการพิสูจน์จากห้องปฏิบัติการอีกครั้งภายใน 3-7 วันนี้
นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จากการซักถามประวัติของผู้เสียชีวิต พบว่า ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว และทานยาชนิดหนึ่งติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งยาดังกล่าวมีผลทำให้จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลง และทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง แม้จะเป็นเชื้อธรรมดาก็ทำให้เสียชีวิตได้ ทั้งนี้เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 จะต้องมีไข้สูง อย่างน้อย 3-7 วันก่อนอาการรุนแรง และจะไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตในช่วงเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งอาการมีความแตกต่างกัน ประกอบกับผลออกมาว่าไม่ใช่ไวรัสไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องกักตัวเฝ้าระวังทีมแพทย์และญาติแต่อย่างใด
“ได้คุยกับแพทย์ที่ตรวจผู้ป่วยเป็นรายแรกยืนยันว่าผู้ป่วยไม่มีไข้ ไม่ไอแต่เจ็บคอและหอบ หลังเสียชีวิตได้ส่งเชื้อตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์สมุทรสงครามพบว่าไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่ ชนิด เอ ส่วนการแถลงข่าวในช่วงบ่ายของสถาบันนิติเวชฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ผมได้ประสานหารือแล้วยืนยันว่า ในการแถลงข่าวผลการชันสูตรศพว่าเป็นเพียงปอดอักเสบไม่ได้ยืนยันว่าเป็นจากไข้หวัดใหญ่ 2009 แต่อย่างใด พร้อมทางนิติเวชยังยืนยันว่าให้รอผลทางห้องปฏิบัติการของสธ.ก่อน ซึ่งผลการส่งเชื้อยืนยันผลที่ศูนย์วิทยาศาสตร์กรมการแพทย์ รวมทั้งส่งตรวจยืนยันที่ห้องปฏิบัติการ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล พบว่าไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่อย่างแน่นอน”นพ.ไพจิตร์ กล่าว
