xs
xsm
sm
md
lg

“ศิริราช” ร่วมพัฒนาชุดตรวจหวัดใหญ่ 2009 ชั่วโมงเดียวรู้ผล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ศิริราช” ร่วมห้องปฏิบัติการกรมวิทย์ ช่วย สธ.ตรวจยืนยันหวัดใหญ่ 2009 ทยอยส่งนิวคลิโอไทด์ของยีนให้ธนาคารยีนภายในสัปดาห์หน้า ต่อยอดพัฒนาชุดตรวจสอบเบื้องต้นไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ในเวลา 1 ชั่วโมง รวมถึงพัฒนาวัคซีนต้นแบบป้องกันโรค

วันนี้ (14 พ.ค.) ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยามหิดล พร้อมด้วย ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ นายกสมาคมไวรัสวิทยาแห่งประเทศไทย ศ.พิไลพันธ์ พุธวัฒนะ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิจัย และอาจารย์ประจำภาควิชาการจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลร่วมกันแถลงข่าว “ศิริราชแถลงปฏิบัติการครั้งแรกในไทย ในการตรวจพบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009”

ศ.ดร.พิไลพันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ห้องปฏิบัติการของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชฯ ห้องปฏิบัติการคู่ขนานกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สามารถแยกเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด เอ เอช1เอ็น1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยได้ส่งลำดับหน่วยย่อยที่เล็กที่สุดของสารพันธุกรรม หรือนิวคลิโอไทด์ของยีนไวรัสชนิดนี้ 4 ยีน โดยจะทยอยส่งให้ครบ 8 ยีนให้กับธนาคารยีนของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (ซีดีซี) ในสัปดาห์หน้า

“ประโยชน์ที่ได้จากการทราบโครงสร้างของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้จะทำให้สามารถนำไปวิจัยพัฒนาต่อยอดเป็นประโยชน์มากมาย อาทิ การพัฒนาชุดตรวจสอบเบื้องต้นว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในระยะเวลารวดเร็วเพียง 1 ชั่วโมง ว่า ผู้ที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวังเป็นโรคนี้หรือไม่ รวมถึงการพัฒนาวัคซีนต้นแบบเพื่อใช้ในการป้องกันโรค และการทดสอบการรักษาด้วยยาต้านไวรัสว่าเชื้อดังกล่าวมีการดื้อยาหรือไม่”ศ.ดร.พิไลพันธ์ กล่าว

ศ.ดร.พิไลพันธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อ สธ.ตรวจพิสูจน์พบว่าเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และสงสัยจึงต้องการผลตรวจห้องปฏิบัติการยืนยัน จึงส่งมาที่ศิริราชตรวจพิสูจน์ยืนยัน ซึ่งในเรื่องของสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ ศิริราชเป็นห้องปฏิบัติการคู่ขนานเพียงแห่งเดียวของสธ.และดำเนินการมากว่า 30 ปีแล้ว ทำให้ศิริราชมีเชื้อตัวดังกล่าวนำมาถอดโครงสร้างเชื้อโรคได้

“อย่างกรณีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 รายแรกที่พบในประเทศไทย ทางศิริราชใช้เวลาในการตรวจพิสูจน์ยืนยันประมาณ 48-72 ชั่วโมง แต่ในรายที่สอง ใช้เวลาเพียง 24 ชั่วโมง เพราะมีองค์ความรู้แล้ว ซึ่งในประเทศที่พบมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 สามารถ ที่จะถอดโครงสร้างของไวรัสได้เช่นกัน แต่ก็ถือว่าเป็นความรู้ความสามารถของประเทศไทยที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง”ศ.ดร.พิไลพันธ์ กล่าว

ด้านศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ นายกสมาคมไวรัสวิทยาแห่งประเทศไทย และประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ กล่าวว่า การที่ประเทศไทยมีองค์ความรู้สามารถวิเคราะห์โครงสร้างเชื้อโรคได้อย่างละเอียด ทำให้สามารถศึกษาวิจัยต่อยอดไปถึงขั้นการผลิตวัคซีนป้องกันได้ แต่ยอมรับว่าการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่ระบาดในตอนนี้คงไม่ทันอย่างแน่นอน แต่ก็ดีกว่าที่จะไม่ทำอะไรเลย

“ขณะนี้ยังไม่มีเชื้อใดมีศักยภาพสูงพอที่จะทำร้ายมนุษย์ได้มากเท่ากับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่กำลังระบาดอยู่ขณะนี้ แม้แต่ไข้หวัดนก สายพันธุ์ที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กัน อาทิ เอช7เอ็น7, เอช9เอ็น2 ก็พบว่าไม่ทำร้ายมนุษย์ แต่ก็จำเป็นต้องเฝ้าระวังกันต่อไปว่าจะทำร้ายมนุษย์เมื่อใด ซึ่งไม่มีใครสามารถบอกได้”ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าว

ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวอีกว่า ทราบมาว่า วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดนกได้พัฒนาสำเร็จมาระยะหนึ่งแล้ว และบริษัทยา ทั้ง ซาโนฟี่ ปาสเตอร์ จำกัด และ บริษัท แกล็ค โซสมิธ ไคล์น จำกัด ต่างผลิตได้แล้วทั้งคู่ และได้นำเสนอขายกับรัฐบาลไทยมาหลายครั้ง ว่า จำเป็นต้องซื้อเก็บเป็นสต๊อกยาสำรองหรือไม่ แต่ภาครัฐก็คิดว่าไม่จำเป็น ทำให้บริษัทเหล่านี้ต้องนำวัคซีนเก็บเข้าโกดังหมด เพราะไม่มีใครสนใจซื้อ เพราะสิ่งที่กำลังให้ความสนใจในขณะนี้น่าจะเป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มากกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น