ตราด - ช้างป่า “ไอ้งาเดียว” กระทืบชาวบ้านหาของป่า อาการปางตายหลังเจอกันกลางเขาหินดาษ หน.รักษาป่า ตร.3 ระบุ ช้างป่าขาดอาหาร ขณะชาวบ้านต้องทำกิน จี้ตั้งพื้นที่กันชนปลูกอาหารให้ช้าง
วันนี้ (27 ม.ค.) ที่บ้านมะนาวหมู่ 3 ต.หนองบอน อ.บ่อไร่ จ.ตราด ขณะที่ นายดำรง โพธิ์จัตุรัส อยู่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 5 ต.หนองบอน อ.บ่อไร่ จ.ตราด เดินทางไปที่บริเวณเขาหินดาษ ที่เป็นรอยต่อ อ.บ่อไร่ และ อ.ขลุง จ.จันทบุรี เพื่อเข้าไปหาของป่าโดยเฉพาะหวาย ขณะที่เดินทางไปได้ 800 เมตร ตามทางขึ้นเขา ได้พบช้างป่า 1 ตัว (เพศผู้) ที่ชาวบ้านเคยพบเห็นเป็นประจำ และตั้งชื่อว่า “ช้างงาเดียว” โดยบังเอิญ ทำให้ทั้งคนและช้างตกใจ นายดำรง โพธิ์จัตุรัส ตะโกนให้หนีไป แต่ช้างงาเดียวกลับเดินเข้ามาหา นายดำรงจึงตัดสินใจหันหลังกลับ และวิ่งลงมาตามทาง ปรากฏว่าสะดุดเถาวัลย์ล้มลง ทำให้ช้างงาเดียวตามทันและใช้งาแทงเข้าที่ใบหน้า และใช้วงฟาดอีกหลายครั้ง ทำให้นายดำรงแน่นิ่งไป เมื่อช้างงาเดียวหลบหนีไป นายดำรงจึงตัดสินใจวิ่งหลบหนีไปหานายจำนงค์ ป้องฉิม ซึ่งมีบ้านพักอยู่ที่ชายป่า และเป็นเพื่อนบ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ
โดยนายจำนงค์ ได้ไปแจ้งกับนายพงษ์สิทธิ์ ส่งศรี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยสว่างกตัญญู จ.จันทบุรี ที่มาทำสวนอยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งนายพงษ์สิทธิ์ได้ประสานไปยังหน่วยกู้ภัยตราด และประสานขอความ ช่วยเหลือจากโรงพยาบาลบ่อไร่ ซึ่ง รพ.บ่อไร่ ได้ส่งรถฉุกเฉินเข้าไปรับตัวนายดำรงเข้ารับการรักษาในเวลา 10.30 น. โดยมีนายนิรันดร์ ผลสมบัติ เพื่อนบ้านขับรถจักรยานยนต์นำนายดำรงมาส่งที่จุดตรวจทหารบ้านตากแดด ต.หนองบอน อ.บ่อไร่ จ.ตราด
นพ.วราชน อุดชาชน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ่อไร่ ที่เป็นผู้รักษาอาการของนายดำรงที่อยู่ในอาการสาหัส และต้องใช้เวลานานกว่า 30 นาที ในการช่วยชีวิตและต้องนำตัวส่งที่ รพ.ตราด เพื่อทำการผ่าตัดเนื่องจากโรงพยาบาลบ่อไร่ไม่มีความพร้อม
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ่อไร่ กล่าวว่า นายดำรงได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยใบหน้าถูกกระแทกอย่างแรงจนกรามหัก ใบหน้า ร่างกายฟกช้ำ เลือดออกบริเวณใบหน้าจำนวนมาก และเสียเลือดมาก หากมาช้าไปกว่านี้จะเสียชีวิต แต่ขณะนี้ก็อยู่ในภาวะวิกฤตต้องส่งไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลตราดเพื่อทำการผ่าตัดช่วยชีวิต
นายจำนงค์ กล่าวว่า ก่อนที่นายดำรงจะขึ้นไปหาหวายที่เขาหินดาษ ได้เดินมาทักทายและบอกว่าจะไปหาหวายที่บนเขา โดยถือมีดขอ ถุง และน้ำขึ้นไป แต่แค่ 20 นาที ก็ได้ยินเสียงช้างร้องอย่างดังจึงคิดว่านายดำรงคงพบช้างบนเขาแล้ว ไม่คิดว่าจะถูกทำร้าย ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นการทำร้ายมนุษย์เป็นครั้งแรก หลังจากที่เคยบุกรุกเข้ามากัดต้นไม้ พืชสวน ผลไม้จนได้รับความเสียหายหลายครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 และครั้งที่ 4 ที่ช้างป่าเข้ามาในพื้นที่ที่ ประชาชนอยู่อาศัย
“ผมและครอบครัวรวมทั้งชาวบ้านแถบนี้ต้องทำมาหากินเก็บของป่าและหาหวายมาทำเข่งเพื่อขายให้พ่อค้า คนกลางที่มารับซื้อ แต่เมื่อมาอยู่กับช้างก็ต้องอดทน เพราะไม่รู้จะอยู่ที่ไหน หากช้างมาเยี่ยมบ้านก็ไล่ไปปกติ ไม่ได้ทำร้ายอะไร ผมก็กลัวแต่ก็ต้องทำมาหากิน”
ขณะที่ นายวรพงษ์ ผ่องจิตร หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่า ตร.3 (บ้านมะนาว) กรมป่าไม้ กล่าวว่า ปัญหานี้ทางกรมป่าไม้จะร่วมมือกับทางอำเภอและเทศบาลหนองบอนเพื่อจัดหาพื้นที่ปลูกพืชอาหารให้ช้างเพื่อไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ของประชาชน ซึ่งแนวทางนี้ได้เคยทำในหลายจังหวัด และได้ผลทำให้ช้างป่าไม่ถูกทำร้าย และชาวบ้านก็ไม่เข้า ไปรบกวนพื้นที่อยู่อาศัยของช้าง
