เด็ก-ผู้ปกครองปลื้มศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ได้ประโยชน์เพียบสอนเป็นคนดี กตัญญ มีวินัย ตรงต่อเวลา แถมเป็นศูนย์ฝึกอาชีพเปิดสอนธรรมะควบคณิต-วิทย์-ภาษา ไม่ต้องเสียเงินเรียนพิเศษ ศน.แนะพ่อแม่ที่ไม่มีเวลาสอนลูกให้เป็นหน้าที่ศูนย์ศาสนาวันอาทิตย์
นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา(ศน.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า จากการที่กรมการศาสนาได้ดำเนินการโครงการศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ประจำปี 2551 ได้ติดตามประเมินผลในแบบสอบถามความคิดเห็นในหัวข้อศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์กับคุณค่าทางสังคมโดยการสุ่มตัวอย่างกลุ่มผู้เรียน 6,363 คน กลุ่มผู้ปกครอง 3,699 คนในศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ 35 จังหวัดรวม 1,388 ศูนย์ ผลปรากฏว่า ผู้เรียนร้อยละ 80.98เห็นว่าได้รับประโยชน์จากศูนย์อยู่ในระดับมาก ในจำนวนนี้ร้อยละ 81.87 เห็นว่า มีประโยชน์ด้านมีกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาร่วมกัน ร้อยละ 81.10 เห็นว่าได้ประโยชน์ด้านหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ร้อยละ 79.96 เห็นว่ามีประโยชน์จากการเข้ามาเรียนรู้ในศูนย์ โดยกิจกรรมที่ชื่นชอบ ได้แก่ กิจกรรมสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของไทยและเห็นว่ากิจกรรมสามารถนำมาพัฒนาชุมชน ท้องถิ่นตำบลให้ดีขึ้นและมีจิตใจที่อ่อนโยนขึ้น
ส่วนผู้ปกครองเห็นว่าศูนย์มีประโยชน์อยู่ในระดับมากอันดับแรกมีประโยชน์ต่อศาสนา ครอบครัว สังคม ที่สำคัญเห็นว่าสามารถช่วยเด็กรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ รวมไปถึงเป็นศูนย์ฝึกอาชีพของชุมชนสร้างรายได้ให้ชุมชนพึ่งตัวเองและบุตรหลานมีจิตสำนึกช่วยเหลือท้องถิ่น ในภาพรวมแล้วพบว่า หลังเด็กเข้ามาเรียนพบความเปลี่ยนแปลง เป็นคนดีของพ่อแม่และสังคม มีธรรมะในจิตใจ และตรงต่อเวลามีความรับผิดชอบมากขึ้น
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวต่อไปว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่เห็นว่าบุตรหลานได้รับประโยชน์และมีความคุ้มค่าต่อการสละเวลามาเข้าเรียนโดยเฉพาะการเข้าใจหลักธรรมคำสอนพระพุทธศาสนา พัฒนาจิตใจ มีสมาธิมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีสัมมาคาราวะต่อพ่อแม่รับผิดชอบต่อหน้าที่และได้ประโยชน์มากหากทางบ้านไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนลูกและเห็นว่าศูนย์สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุตรหลานไปในทางที่ดีขึ้นอันดับแรก มีน้ำใจช่วยเหลือพ่อแม่ทำงานบ้านไม่หมกมุ่นในการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ มีจิตสงบ พูดจาไพเราะรองลงมามีพฤติกรรมที่ดีขึ้น เพราะมีจิตสำนึกที่ดีทำให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนในที่สุด อันดับแรกสังคมที่อาศัยก็เจริญรุ่งเรือง เพราะไม่มีคนทำความชั่ว รองลงมาทำให้ชุมชนมีความสามัคคีและร่วมจัดกิจกรรมวันสำคัญทางศาสนาและมีความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันมากขึ้น
"โครงการดังกล่าวเป็นศึกษาจากหลักสูตรศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์(ศพอ.)ฉบับกรมการศาสนา พ.ศ. 2550 และการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรธรรมศึกษาชั้นตรี โท เอกเป็นหลักสูตรต่อเนื่อง 3 ปี โดยกำหนดให้มีกิจกรรมการเรียนรู้ 2 ลักษณะ1.การสอนเสริมวิชาสามัญเน้นเฉพาะเนื้อหาวิชาที่จำเป็นต้องมีผู้อธิบายหรือให้ความรู้ที่ผู้เรียนไม่สามารถเข้าใจได้ง่ายจากการศึกษาด้วยตนเองและเป็นวิชาที่เด็กต้องการ เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และภาษาต่างประเทศ เป็นต้นเป็นการช่วยเหลือเด็กที่ต้องการหาความรู้เพิ่มเติมโดยไม่ต้องจ่ายค่าเรียนพิเศษ"นายสด กล่าว
นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา(ศน.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า จากการที่กรมการศาสนาได้ดำเนินการโครงการศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ประจำปี 2551 ได้ติดตามประเมินผลในแบบสอบถามความคิดเห็นในหัวข้อศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์กับคุณค่าทางสังคมโดยการสุ่มตัวอย่างกลุ่มผู้เรียน 6,363 คน กลุ่มผู้ปกครอง 3,699 คนในศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ 35 จังหวัดรวม 1,388 ศูนย์ ผลปรากฏว่า ผู้เรียนร้อยละ 80.98เห็นว่าได้รับประโยชน์จากศูนย์อยู่ในระดับมาก ในจำนวนนี้ร้อยละ 81.87 เห็นว่า มีประโยชน์ด้านมีกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาร่วมกัน ร้อยละ 81.10 เห็นว่าได้ประโยชน์ด้านหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ร้อยละ 79.96 เห็นว่ามีประโยชน์จากการเข้ามาเรียนรู้ในศูนย์ โดยกิจกรรมที่ชื่นชอบ ได้แก่ กิจกรรมสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของไทยและเห็นว่ากิจกรรมสามารถนำมาพัฒนาชุมชน ท้องถิ่นตำบลให้ดีขึ้นและมีจิตใจที่อ่อนโยนขึ้น
ส่วนผู้ปกครองเห็นว่าศูนย์มีประโยชน์อยู่ในระดับมากอันดับแรกมีประโยชน์ต่อศาสนา ครอบครัว สังคม ที่สำคัญเห็นว่าสามารถช่วยเด็กรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ รวมไปถึงเป็นศูนย์ฝึกอาชีพของชุมชนสร้างรายได้ให้ชุมชนพึ่งตัวเองและบุตรหลานมีจิตสำนึกช่วยเหลือท้องถิ่น ในภาพรวมแล้วพบว่า หลังเด็กเข้ามาเรียนพบความเปลี่ยนแปลง เป็นคนดีของพ่อแม่และสังคม มีธรรมะในจิตใจ และตรงต่อเวลามีความรับผิดชอบมากขึ้น
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวต่อไปว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่เห็นว่าบุตรหลานได้รับประโยชน์และมีความคุ้มค่าต่อการสละเวลามาเข้าเรียนโดยเฉพาะการเข้าใจหลักธรรมคำสอนพระพุทธศาสนา พัฒนาจิตใจ มีสมาธิมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีสัมมาคาราวะต่อพ่อแม่รับผิดชอบต่อหน้าที่และได้ประโยชน์มากหากทางบ้านไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนลูกและเห็นว่าศูนย์สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุตรหลานไปในทางที่ดีขึ้นอันดับแรก มีน้ำใจช่วยเหลือพ่อแม่ทำงานบ้านไม่หมกมุ่นในการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ มีจิตสงบ พูดจาไพเราะรองลงมามีพฤติกรรมที่ดีขึ้น เพราะมีจิตสำนึกที่ดีทำให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนในที่สุด อันดับแรกสังคมที่อาศัยก็เจริญรุ่งเรือง เพราะไม่มีคนทำความชั่ว รองลงมาทำให้ชุมชนมีความสามัคคีและร่วมจัดกิจกรรมวันสำคัญทางศาสนาและมีความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันมากขึ้น
"โครงการดังกล่าวเป็นศึกษาจากหลักสูตรศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์(ศพอ.)ฉบับกรมการศาสนา พ.ศ. 2550 และการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรธรรมศึกษาชั้นตรี โท เอกเป็นหลักสูตรต่อเนื่อง 3 ปี โดยกำหนดให้มีกิจกรรมการเรียนรู้ 2 ลักษณะ1.การสอนเสริมวิชาสามัญเน้นเฉพาะเนื้อหาวิชาที่จำเป็นต้องมีผู้อธิบายหรือให้ความรู้ที่ผู้เรียนไม่สามารถเข้าใจได้ง่ายจากการศึกษาด้วยตนเองและเป็นวิชาที่เด็กต้องการ เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และภาษาต่างประเทศ เป็นต้นเป็นการช่วยเหลือเด็กที่ต้องการหาความรู้เพิ่มเติมโดยไม่ต้องจ่ายค่าเรียนพิเศษ"นายสด กล่าว
