“วิทยา” ปัดผู้ป่วยต้องสงสัยหวัด 2009 ไม่ใช่หมอ ยันหายเป็นปกติแล้ว วอนสื่อหยุดขุดคุ้ย

“วิทยา” ปัดผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อหวัดใหญ่ 2009 ไม่ใช่แพทย์ที่เดินทางกลับจากพื้นที่แพร่ระบาดตามที่สื่อรายงาน ด้านแหล่งข่าวใน สธ.วอนไม่ควรขุดคุ้ยตัวตนผู้ป่วย เกรงกระทบสิทธิส่วนบุคคล ยันผู้ป่วยต้องสงสัยได้รับยาโอเซลทามีเวียร์แล้ว อาการหายเป็นปกติ

นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวจากสื่อมวลชน ระบุว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ 2009 ที่มีการตรวจพบรายแรกเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดตั้งแต่ช่วงต้นเดือน พ.ค.นั้น ว่า ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ไม่เคยออกมาแถลงว่า ผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวเป็นใคร อายุ หรือเพศใด หรือเดินทางกลับมาจากประเทศใด ดังนั้น ข่าวที่เกิดขึ้นกระทรวงไม่ขอยืนยันเนื่องจากไม่เคยมีการให้ข้อมูลดังกล่าว และไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใดเลย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ผู้ป่วยต้องสงสัยรายนี้แพทย์ได้ให้การรักษาจนหายเป็นปกติแล้ว

ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ไม่อยากให้มีการขุดคุ้ยตัวตนของผู้ป่วยสงสัยรายนี้ เพราะอาจจะกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคล และเป็นการทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันของบุคคลดังกล่าวเกิดปัญหา โดยเฉพาะเมื่อต้องกลับไปเรียนหนังสือในสัปดาห์หน้า อาจจะเกิดปัญหาในการไปโรงเรียน เพราะครู และเพื่อนอาจจะกลัว คิดว่า เด็กเป็นตัวเชื้อโรค

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลเบื้องต้น ยืนยันว่า ผู้ป่วยต้องสงสัยรายนี้ มีการเดินทางกลับจากประเทศที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีของการระบาดของโรคจริง และป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่เมื่อได้รับยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ในระยะเริ่มต้นที่มีอาการของโรค อาการก็หายเป็นปกติ เพียงแต่การตรวจเชื้อทางห้องปฏิบัติการ พบสารพันธุกรรมของเชื้อแตกต่างไปจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ธรรมดา จึงจำเป็นต้องส่งตัวอย่างเชื้อไปตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการที่สหรัฐอเมริกา

“หากผลที่ออกมาเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิด A H1N1 จริง ไทยก็จะเป็นอีกหนึ่งประเทศในเอเชียที่มีการพบผู้ป่วยติดเชื้อโรคดังกล่าว ซึ่งผลดีก็คือ แม้จะมีผู้ป่วยแต่ก็ไม่มีการเสียชีวิต และสามารถรักษาให้หายได้ ที่สำคัญทำไทยมีตัวอย่างเชื้อที่สามารถจะนำไปพัฒนาเป็นวัคซีนได้ในอนาคต ตรงนี้ต่างหากที่เป็นประเด็นที่สื่อควรจะนำเสนอ ไม่ใช่ไปขุดคุ้ยว่า คนๆนั้นเป็นใคร เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร นอกจากทำให้เกิดความตื่นกลัวมากเกินไป และยังกระทบต่อตัวผู้ป่วยสงสัยรายดังกล่าว ทั้งๆ ที่เขาหายป่วยแล้วด้วย”แหล่งข่าวรายเดิม ระบุ