เลขาฯ มูลนิธิเมาไม่ขับ ระบุห้ามขายเหล้าวันพระใหญ่ไม่กระทบนักดื่ม เหตุร้านค้าส่วนใหญ่งดขายเป็นวัฒนธรรมมานานแล้ว ชี้ควรบังคับใช้กฎหมายจริงจังในวันเทศกาลอื่นๆ ดีกว่า แนะรัฐบาลให้ความสำคัญเมาไม่ขับเหมือนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุื์ใหม่ 2009
นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ มีมติห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอด 24 ชั่วโมง ในวันพระใหญ่และวันนี้เป็นวันวิสาขบูชาว่า ขณะนี้กฎหมายยังไม่ออกมาใช้บังคับ แต่ในทางปฏิบัติสังคมไทย ผู้ประกอบการร้านอาหาร รวมถึงสถานบันเทิงแทบจะไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ 4 วัน จนเป็นวัฒนธรรมมานานแล้ว ได้แก่ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ดังนั้นเชื่อว่าแม้จะมีกฎหมายบังคับ แทบจะไม่มีผลกระทบมากนัก แต่ที่จะห้ามคนดื่มแล้วไม่เกิดความสูญเสีย คือการห้ามดื่มในวันหยุดยาวช่วงเทศกาลเช่น ปีใหม่ สงกรานต์ จะมีผลมากกว่า เพราะในช่วงดังกล่าวคนไทยจะดื่มและเฉลิมฉลองเทศกาลกัน เมื่อดื่มแล้วก็มักจะขับรถไป ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย สิ่งสำคัญที่สุดคือ การบังคับใช้กฎหมายให้เข้มข้น เช่น ในต่างประเทศอย่างญี่ปุ่น การเมาแล้วขับรถ ภาครัฐถือเป็นความเป็นความตาย เป็นอาชญากรรม จะคิดค่าปรับเป็นแสนบาท แต่ของไทยความรุนแรงต่างกันมาก ค่าปรับเมาแล้วขับปรับเพียงพันบาท หรือแม้แต่โทษจำคุกก็รอลงอาญา เพราะเห็นว่าไม่เป็นเรื่องคอขาดบาดตา
อย่างไรก็ตาม ตนอยากเสนอรัฐบาลให้ความสำคัญกับการเมาไม่ขับเพื่อลดอุบัติเหตุเหมือนกับการรณรงค์ป้องกันไม่ให้ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เข้าประเทศที่ทำอย่างจริงจังมาก เพราะแต่ละปีมีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติหตุเทศกาลเดียวถึง 373 ราย ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่มาก
นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ มีมติห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอด 24 ชั่วโมง ในวันพระใหญ่และวันนี้เป็นวันวิสาขบูชาว่า ขณะนี้กฎหมายยังไม่ออกมาใช้บังคับ แต่ในทางปฏิบัติสังคมไทย ผู้ประกอบการร้านอาหาร รวมถึงสถานบันเทิงแทบจะไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ 4 วัน จนเป็นวัฒนธรรมมานานแล้ว ได้แก่ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ดังนั้นเชื่อว่าแม้จะมีกฎหมายบังคับ แทบจะไม่มีผลกระทบมากนัก แต่ที่จะห้ามคนดื่มแล้วไม่เกิดความสูญเสีย คือการห้ามดื่มในวันหยุดยาวช่วงเทศกาลเช่น ปีใหม่ สงกรานต์ จะมีผลมากกว่า เพราะในช่วงดังกล่าวคนไทยจะดื่มและเฉลิมฉลองเทศกาลกัน เมื่อดื่มแล้วก็มักจะขับรถไป ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย สิ่งสำคัญที่สุดคือ การบังคับใช้กฎหมายให้เข้มข้น เช่น ในต่างประเทศอย่างญี่ปุ่น การเมาแล้วขับรถ ภาครัฐถือเป็นความเป็นความตาย เป็นอาชญากรรม จะคิดค่าปรับเป็นแสนบาท แต่ของไทยความรุนแรงต่างกันมาก ค่าปรับเมาแล้วขับปรับเพียงพันบาท หรือแม้แต่โทษจำคุกก็รอลงอาญา เพราะเห็นว่าไม่เป็นเรื่องคอขาดบาดตา
อย่างไรก็ตาม ตนอยากเสนอรัฐบาลให้ความสำคัญกับการเมาไม่ขับเพื่อลดอุบัติเหตุเหมือนกับการรณรงค์ป้องกันไม่ให้ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เข้าประเทศที่ทำอย่างจริงจังมาก เพราะแต่ละปีมีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติหตุเทศกาลเดียวถึง 373 ราย ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่มาก