แพทย์ รพ.จุฬาฯ แถลงพัฒนาวิธีตรวจวินิจฉัยไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หลังได้พัฒนาจากตัวอย่างพันธุกรรม หรือ RNA ของไวรัสต้นแบบจากอเมริกา ระบุให้ผลตรวจแม่นยำ รวดเร็วภายใน 4 ชั๋วโมง พร้อมส่งต่อให้แล็บอื่นที่ต้องการ ยันเชื้อระงับได้ด้วยยาโอเซลทามีเวียร์ ที่ไทยผลิตเองและมีอยู่จำนวนมาก ฝากประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ก็ไม่ควรประมาท
วันนี้ (6 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. ที่ห้องประชุมชั้น 10 ตึก สก. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก และคณะแพทย์ แถลงว่า ขณะนี้ทาง รพ.จุฬาฯ ได้รับตัวอย่างพันธุกรรม หรือ RNA ของไวรัสต้นแบบไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งเป็นไวรัสที่สกัดแยกสารพันธุกรรมจากศูนย์ป้องกันและควบคุม CDC ของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อนำมาใช้พัฒนาการตรวจวินิจฉัยในประเทศไทย โดยขณะนี้กลุ่มผู้วิจัยได้ปฏิบัติการเพิ่มจำนวนและคัดลอกแบบ หรือโคลนนิ่ง เพื่อใช้เป็นตัวเปรียบเทียบและพัฒนาการตรวจให้ได้ผลถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว ซึ่งได้ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาการตรวจวินิจฉัยโดยใช้หลักชีวะโมเลกุล โดยใช้ตัวอย่างต้นแบบเป็นตัวเปรียบเทียบ แทนการใช้วิธีการถอดรหัสซึ่งใช้เวลายาวนานกว่า อีกทั้งการวินิจฉัยดังกล่าวสามารถแยกชนิดไข้หวัดใหญ่ H1N1 ที่พบตามฤดูกาลในมนุษย์ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไข้หวัดใหญ่ที่พบในสุกร ทั้งนี้ การตรวจวินิจฉัยดังกล่าวใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 4 ชั่วโมง หลังจากได้รับตัวอย่างมาถึงห้องปฏิบัติการ นอกจากนี้ทาง รพ.จุฬาฯ ก็พร้อมทำ positive control หรือ plasmid ที่ใช้เป็นตัวเปรียบเทียบให้หน่วยตรวจอื่น ๆ ที่ต้องการด้วย
“ทางศูนย์ฯ ของ รพ.จุฬาฯ เป็นหน่วยในการช่วยเหลือรับตรวจเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งศูนย์กลางของการตรวจนั้นอยู่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่มีหน้าที่โดยตรง เราเป็นเพียงเครือข่ายของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เท่านั้น หากมีการตรวจพบเชื้อจริงทางเราก็ไม่สามารถรายงานออกไปได้ ต้องทำการส่งผลตรวจยืนยันไปที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็จะต้องยืนยันไปที่องค์การอนามัยโรคเพื่อประกาศต่อไป” ศ.นพ.ยงกล่าว
ศ.นพ.ยงกล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก เพราะขณะนี้การระบาดยังอยู่เฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือ ส่วนทวีปอื่น ๆ ยังถือว่า ไม่ระบาดในระดับชุมชน และอัตราการเสียชีวิต ก็ยังต่ำกว่าร้อยละ 1 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดตามฤดูกาลยังทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า ดังนั้น ขอให้ชาวไทยอย่าตื่นตระหนก และอยู่ในความไม่ประมาทต้องติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลา
ทั้งนี้ อยากฝากไปถึงคนขับแท็กซี่ว่า หากได้รับคนไข้ที่มีอาการหวัดไปส่งโรงพยาบาล ก็ขอให้แท็กซี่คันดังกล่าวถามชื่อผู้ป่วย หรือให้โรงพยาบาลช่วยแจ้งข่าว เพื่อช่วยกันในการป้องกัน ระมัดระวังร่วมกัน แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เชื้อยังอยู่ในขั้นที่ระงับได้ด้วยยาโอเซลทามิเวียร์ ซึ่งยาตัวนี้ประเทศไทยมีอยู่เป็นจำนวนมาก และองค์การเภสัชกรรมก็สามารถผลิตได้เอง
รวมข่าวเกี่ยวเนื่องโรคหวัดเม็กซิโกในประเทศไทย