“ชินภัทร” เผยปีนี้มียอดสั่งซื้อตำราเรียนเพิ่ม 400 ล้านบาท ยันตำราเรียนส่งถึงโรงเรียนไม่เกิน 15 พ.ค.นี้ พร้อมมองแหล่งเงิน 2 พันล้านจะมาฟื้นฟูองค์การค้า ยัน 1 เดือนได้ข้อสรุปทุจริตองค์การค้าฯ
ที่องค์การค้า ลาดพร้าว นายชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ปีนี้องค์การค้าได้จัดพิมพ์ตำราเรียน ซึ่งพิมพ์ใหม่และที่มีอยู่ในสต็อก ประมาณ 41 ล้านเล่ม เพื่อจัดส่งให้ตัวแทนจำหน่าย และสถานศึกษา ที่สั่งซื้อเข้ามา โดยตำราเรียนที่องค์การค้าจัดพิมพ์ส่วนใหญ่จะเน้นพิมพ์ 3 วิชาหลัก ได้แก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ส่วนอีก 5 กลุ่มสาระที่เหลือเราจัดพิมพ์น้อย เพราะไม่ต้องการให้หนังสือเหลือค้างสต็อก
ส่วนยอดการขายในปีนี้เมื่อเทียบกับปี 2551 ซึ่ง ณ วันที่ 4 พ.ค.มียอดขายรวม 1,700 ล้านบาท ซึ่งปีที่แล้วมียอดขาย 1,300 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 400 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยอดขายที่เพิ่มน่าจะมาจากนโยบายเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพของนักเรียน
ทั้งนี้ มีหลายฝ่ายกังวลว่า หนังสือเรียนจะจัดส่งไปไม่ทันเปิดเทอมนั้น นายชินภัทร กล่าวว่า ตำราเรียน ร้อยละ 80 องค์การค้าได้จัดส่งให้ตัวแทนจำหน่ายและโรงเรียนแล้ว ส่วนที่เหลือ ร้อยละ 20 กำลังลำเลียงขึ้นรถบรรทุกกระจายไปยังร้านค้าต่างๆ อย่างไรก็ตาม ตำราเรียนถึงมือโรงเรียนไม่เกิน 15 พ.ค.นี้
“องค์การค้าได้มีการวางแผนการจัดพิมพ์ตำราเรียนในจำนวนพอดีกับการสั่งซื้อ พิมพ์เกินไว้นิดหน่อย เพื่อร้านค้าหรือโรงเรียนสั่งซื้อเข้ามาอีกในช่วงนี้”
จากนั้น ปลัด ศธ.กล่าวถึงแผนฟื้นฟูองค์การค้าว่า จัดทำแผนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และขอยืนยันว่าจะไม่มีการปลดพนักงานออกแต่อย่างใด เนื่องจากดูยอดพนักงานปรากฏว่า อีก 3 ปีข้างหน้าจะมีพนักงานเกษียณกว่า 300 คน จะเหลือพนักงานประมาณ 1,600 ราย เป็นจำนวนพอเหมาะกับองค์กร อย่างไรก็ตาม อาจจะมีการสับเปลี่ยนหรือโยกย้ายตำแหน่งเพื่อความเหมาะสมบ้าง ส่วนแหล่งเงินที่จะขอกู้เพื่อนำมาพัฒนาองค์การค้านั้น ขณะนี้มีหลายแห่งเสนอเข้ามา ซึ่งเราต้องการเงินประมาณ 2 พันล้านเพื่อใช้ฟื้นฟู
ผู้สื่อข่าวถามความคืบหน้าเกี่ยวกับการสอบสวนผู้บริหารระดับสูงที่ส่อเค้าไปในทางทุจริต คอร์รัปชัน นายชินภัทรตอบว่า เรื่องการสอบสวนมอบให้ นายสรรค์ วรอินทร์ ซึ่งเป็นคนตรงไปตรงมาเป็นผู้รับผิดชอบ คาดว่าภายใน 1 เดือนจะได้ข้อสรุป
ที่องค์การค้า ลาดพร้าว นายชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ปีนี้องค์การค้าได้จัดพิมพ์ตำราเรียน ซึ่งพิมพ์ใหม่และที่มีอยู่ในสต็อก ประมาณ 41 ล้านเล่ม เพื่อจัดส่งให้ตัวแทนจำหน่าย และสถานศึกษา ที่สั่งซื้อเข้ามา โดยตำราเรียนที่องค์การค้าจัดพิมพ์ส่วนใหญ่จะเน้นพิมพ์ 3 วิชาหลัก ได้แก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ส่วนอีก 5 กลุ่มสาระที่เหลือเราจัดพิมพ์น้อย เพราะไม่ต้องการให้หนังสือเหลือค้างสต็อก
ส่วนยอดการขายในปีนี้เมื่อเทียบกับปี 2551 ซึ่ง ณ วันที่ 4 พ.ค.มียอดขายรวม 1,700 ล้านบาท ซึ่งปีที่แล้วมียอดขาย 1,300 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 400 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยอดขายที่เพิ่มน่าจะมาจากนโยบายเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพของนักเรียน
ทั้งนี้ มีหลายฝ่ายกังวลว่า หนังสือเรียนจะจัดส่งไปไม่ทันเปิดเทอมนั้น นายชินภัทร กล่าวว่า ตำราเรียน ร้อยละ 80 องค์การค้าได้จัดส่งให้ตัวแทนจำหน่ายและโรงเรียนแล้ว ส่วนที่เหลือ ร้อยละ 20 กำลังลำเลียงขึ้นรถบรรทุกกระจายไปยังร้านค้าต่างๆ อย่างไรก็ตาม ตำราเรียนถึงมือโรงเรียนไม่เกิน 15 พ.ค.นี้
“องค์การค้าได้มีการวางแผนการจัดพิมพ์ตำราเรียนในจำนวนพอดีกับการสั่งซื้อ พิมพ์เกินไว้นิดหน่อย เพื่อร้านค้าหรือโรงเรียนสั่งซื้อเข้ามาอีกในช่วงนี้”
จากนั้น ปลัด ศธ.กล่าวถึงแผนฟื้นฟูองค์การค้าว่า จัดทำแผนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และขอยืนยันว่าจะไม่มีการปลดพนักงานออกแต่อย่างใด เนื่องจากดูยอดพนักงานปรากฏว่า อีก 3 ปีข้างหน้าจะมีพนักงานเกษียณกว่า 300 คน จะเหลือพนักงานประมาณ 1,600 ราย เป็นจำนวนพอเหมาะกับองค์กร อย่างไรก็ตาม อาจจะมีการสับเปลี่ยนหรือโยกย้ายตำแหน่งเพื่อความเหมาะสมบ้าง ส่วนแหล่งเงินที่จะขอกู้เพื่อนำมาพัฒนาองค์การค้านั้น ขณะนี้มีหลายแห่งเสนอเข้ามา ซึ่งเราต้องการเงินประมาณ 2 พันล้านเพื่อใช้ฟื้นฟู
ผู้สื่อข่าวถามความคืบหน้าเกี่ยวกับการสอบสวนผู้บริหารระดับสูงที่ส่อเค้าไปในทางทุจริต คอร์รัปชัน นายชินภัทรตอบว่า เรื่องการสอบสวนมอบให้ นายสรรค์ วรอินทร์ ซึ่งเป็นคนตรงไปตรงมาเป็นผู้รับผิดชอบ คาดว่าภายใน 1 เดือนจะได้ข้อสรุป
