xs
xsm
sm
md
lg

มติทปอ.ขยายใช้คะแนนรอบ2สอบตรงได้-ยันไม่เปลี่ยนหลักเกณฑ์สอบแอดมิชชั่น 53

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทปอ.มีมติขยายการใช้คะแนน สอบ GAT และ PAT รอบ 2 ในเดือน ต.ค.สามารถใช้ในการสอบตรงได้ ยันไม่มีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่จะใช้ในปี 2553 อย่างแน่นอน หากจะเปลี่ยนอย่างน้อยต้องใช้เวลา 3 ปีให้เด็กมีเวลาเตรียมพร้อม ส่วนการปรับลดสัดส่วนตะแนนGAT และ PAT ประชุมปลายพ.ค.นี้ก่อนเสนอเข้าที่ประชุมทปอ. วันที่ 31 ก.ค.-1ส.ค.เพื่อหาข้อสรุป

ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กล่าวภายหลังการประชุมสามัญอธิการบดีแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 2/2552 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือว่า ที่ประชุมมีผลสรุปในเรื่องของการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา หรือแอดมิชชั่นใน 2 ประเด็น คือ 1.การรับนักศึกษาโดยการสอบตรง มีมติจะขยายใช้คะแนน สอบ GAT และ PAT ในเดือนตุลาคม แทนที่จะรับเฉพาะการรับคะแนนสอบในครั้งแรกที่สอบในเดือนกรกฎาคม เพื่อเป็นการขยายโอกาสให้กับเด็ก เพราะถ้าใช้คะแนนครั้งแรกเด็กเพิ่งจะเปิดเรียนในเดือนมิถุนายนแล้วก็ต้องมาสอบในเดือนกรกฎาคม จะเป็นการผลักดันให้เด็กไปเรียนกวดวิชาเพิ่มมากขึ้น ส่วนตัวเลขที่แต่ละมหาวิทยาลัยรับนักศึกษาสอบตรงนั้นมองว่าไม่ใช่เป็นตัวเลขที่ตรงมีมากเกินไป เนื่องจากการรับภาระเรื่องค่าใช้จ่ายที่มากทั้งตัวมหาวิทยาลัย และตัวเด็กเองด้วย และเท่าที่ได้รับรายงานมาในขณะนี้ค่าเฉลี่ยที่แต่ละมหาวิทยาลัยรับอยู่ที่ 40/60 ตนมองว่าเป็นตัวเลขที่เหมาะสม

ศ.นพ.ภิรมย์ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่ 2 การรับในส่วนกลางยืนยันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ใหญ่ คือยังใช้คะแนน ONET, GPAX, GAT ,PAT เช่นเดิม นอกจากนี้ก็ยังคงสอบ ได้ปีละ 3 ครั้ง สอบได้ตั้งแต่ชั้น ม.5 โดยเลือกคะแนนครั้งที่ดีที่สุด และสามารถเก็บคะแนนไว้ใช้ได้ 2 ปี

ส่วนการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น การปรับลดสัดส่วนคะแนน GAT, PAT ของแต่ละสาขาวิชา อาทิ คณะวิทยาศาสตร์ แพทยศาสตร์ นิติศาสตร์ เป็นต้น สามารถทำได้ เพราะไม่ถือเป็นการกระทบต่อเด็กส่วนใหญ่ ซึ่งในปลายเดือนพฤษภาคมจะให้สภาวิชาชีพ และสภาคณบดีต่างๆ ร่วมประชุมเพื่อหาข้อสรุปการปรับเปลี่ยนสัดส่วนคะแนนในบางสาขาวิชา เพื่อนำมาเสนอในที่ประชุมวิชาการ ทปอ.ที่มหาวิทยาลัยบูรพา ในวันที่ 31 กรกฎาคม - 1 สิงหาคม เพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง

ศ.นพ.ภิรมย์ กล่าวอีกว่า หากจะมีการเปลี่ยนระบบการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในถาบันอุดมศึกษา จะต้องบอกล่วงหน้าต่อเด็กอย่างน้อย 3 ปี หากจะเปลี่ยนอีกครั้งอย่างน้อยต้องเป็นในปี 2556 เพื่อให้เด็กสามารถรับมือและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ หากตัดสินใจเปลี่ยนแปลงฉับพลันอะไรก็จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเด็กจำนวนกว่า 200,000 คน

นอกจากนี้ในที่ประชุมยังเป็นกังวลในเรื่องความแม่นตรงในการทำนายผลของการสอบ GAT และ PAT ว่ามีความถูกต้องมากน้อยแค่ไหนในการพิสูจน์เรื่องความถนัดทางวิชาชีพ จากนี้จึงจะได้ตั้งคณะทำงานเพื่อวิจัยความแม่นตรงของผลคะแนน ควบคู่ไปกับการบริหารการจัดการด้วย

กำลังโหลดความคิดเห็น