สธ.สั่งโรงพยาบาลเคลียเตียงว่าง 30% รองรับผู้บาดเจ็บ 24 ชม.ระดมทีมกู้ชีพฉุกเฉินกว่า 7 หมื่นคน ทั่วประเทศ รับมืออุบัติเหตุเทศกาลสงกรานต์เต็มที่ พร้อมส่ง อสม.กว่า 9 แสนคน ร่วมจุดตรวจสกัดกั้นพฤติกรรมเสี่ยงในหมู่บ้าน แจกรางวัล อสม.จังหวัดไหนเจ็บ-ตาย น้อย 3 อันดับแรกรับทรัพย์ “มานิต” เผยประสาน อธิบดีกรมการค้าภายใน เจรจาห้าง-โรงแรมดัง ร่วมโครงการงดขายเหล้าช่วงสงกรานต์ ล่าสุด รร.แกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูนเอาด้วย
เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ร่วมกันแถลงข่าว “สงกรานต์นี้ ปลอดเหล้า ปลอดภัย” เพื่อรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนที่มีสาเหตุมาจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2552
นายวิทยา กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2552 ซึ่งมีวันหยุดยาวติดต่อกัน 5 วัน กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเข้มข้น ใน 3 เรื่องหลักคือ 1.การรณรงค์สื่อสารให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ 2.การดูแลรักษาผู้บาดเจ็บในที่เกิดเหตุและในสถานพยาบาล เพื่อลดความพิการและเสียชีวิต และ 3.การเฝ้าระวังการบาดเจ็บโดยโรงพยาบาลซึ่งเป็นเครือข่ายทั่วประเทศ
“จะรณรงค์ให้ความรู้โดยให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กว่า 9 แสนคนทั่วประทศ ออกรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุร่วมกับจุดตรวจทุกหมู่บ้าน ทั้งเรื่องเมาไม่ขับ ขับขี่ถูกกฎจราจร และการขายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ถูกตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งเรื่องสถานที่ และเวลาจำหน่าย โดยกรมควบคุมโรคจะจัดทีมออกสุ่มสำรวจด้วย ซึ่งผู้พบเห็นการกระทำผิดเรื่องการขายเหล้า โดยสามารถแจ้งได้ที่ โทร. 0-2590-3342 ซึ่งหากอสม. จังหวัดใดสามารถรณรงค์ลดอุบัติเหตุได้มากที่สุด 3 อันดับแรก สธ. จะมีรางวัลเพื่อให้เป็นกำลังใจ เป็นเงินสด รางวัลที่ 1 จำนวน 50,000 บาท รางวัลที่ 2 จำนวน 30,000 บาท และรางวัลที่ 3 จำนวน 20,000 บาท” นายวิทยากล่าว
นายวิทยา กล่าวต่อว่า สำหรับการดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บได้ให้โรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่งเตรียมพร้อมบริการ 2 เรื่อง คือ การตั้งรับดูแลรักษาผู้บาดเจ็บในโรงพยาบาล ให้เตรียมทีมแพทย์พยาบาล โดยเฉพาะห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด และไอซียู สำรองยา เลือด วัสดุการแพทย์จำเป็น และเตียงว่างเพิ่มอีก 30% เพื่อรองรับผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุตลอด 24 ชั่วโมง และบริการที่ 2 คือ การเตรียมทีมออกไปให้การช่วยเหลือที่จุดเกิดเหตุ มีระบบการแจ้งขอความช่วยเหลือทางหมายเลข 1669 โดยมีกำลังทีมกู้ชีพฉุกเฉินทุกระดับทั่วประเทศ 72,560 คน รวมกว่า 6,000 ทีม ตั้งแต่การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่มีอาการสาหัส จนถึงการบาดเจ็บที่อาการไม่รุนแรง โดยปฏิบัติงานร่วมกับมูลนิธิ/อาสาสมัครกู้ภัยต่างๆ ที่ผ่านการอบรมตามมาตรฐานและเป็นหน่วยบริการร่วม
“หลังได้รับแจ้งเหตุภายใน 10 นาที ทีมกู้ชีพฉุกเฉินจะต้องไปถึงน่าจุดเกิดเหตุ โดยจะเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 10 -16 เมษายน 2552 ทั้งนี้ ได้มอบให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติและโรงพยาบาลเอกชน จัดเตรียมเฮลิคอปเตอร์สำหรับขนส่งผู้บาดเจ็บกรณีจำเป็นเร่งด่วนด้วย” นายวิทยา กล่าว
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้การบาดเจ็บและตายจากอุบัติเหตุทางถนน เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการบาดเจ็บและตายจากทุกสาเหตุ โดยแต่ละปีมีคนไทยตายจากอุบัติเหตุทางถนนเฉลี่ย 13,000 คน หรือชั่วโมงละ 1.5 คน บาดเจ็บกว่า 950,000 คน หรือชั่วโมงละกว่า 100 คน และในช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน สถิติการตายจากอุบัติเหตุทางถนนจะเพิ่มขึ้นกว่าช่วงปกติเกือบ 2 เท่าตัว โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ มักมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วย ทำให้ยิ่งมีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงขึ้น
ด้านนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประสานอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ให้เจรจากับห้างสรรพสินค้า โมเดิร์น เทรด ให้เข้าร่วมโครงการ “อร่อย...ดี สงกรานต์นี้ไม่มีเหล้า” เพื่องดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอด 24 ชั่วโมง ในวันที่ 13 เมษายนนี้ ซึ่งหากมีผู้สมัครใจเข้าโครงการจำนวนมาก จะกลายเป็นกระแสสังคมที่ดี จูงใจให้เอกชนต่างๆ หันมางดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยที่ไม่ต้องมีกฎหมายมาบังคับ ซึ่งล่าสุด มีโรมแรม แกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน กรุงเทพฯ ได้เข้าร่วมโครงการด้วย
นายมานิต กล่าวต่อว่า การเกิดอุบัติเหตุช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ยังไม่มีแนวโน้มลดลง ล่าสุดปี 2551 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นทั้งหมด 4,243 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 4,803 ราย ตาย 368 ราย โดยวันที่ 13 เมษายน เป็นวันที่เกิดอุบัติเหตุมีผู้บาดเจ็บและตายสูงสุด พาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากสุดร้อยละ 80 คือ รถจักรยานยนต์ สาเหตุจากเมาสุรา ร้อยละ 41 รองลงมาคือ ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 23 ขับรถตัดหน้ากระชั้นชิดและสภาพรถไม่ปลอดภัย
“ส่วนพฤติกรรมเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ ไม่สวมหมวกกันน็อค ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวน ที่สำคัญพบเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์และได้รับบาดเจ็บสูงขึ้น ทั้งที่กฎหมายยังไม่อนุญาตให้ขับขี่ได้ ยิ่งกว่านั้นยังพบว่า1 ใน 6 ของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บมีการดื่มสุราด้วย อายุต่ำสุดเพียง 10 ปี เป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก”นายมานิต กล่าว
นายมานิต กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีที่ผ่านมา ทีมกู้ชีพฉุกเฉินออกให้บริการทั้งหมด 18,514 ครั้ง แยกเป็น อุบัติเหตุจราจร 7,736 ครั้ง เจ็บป่วยฉุกเฉิน 8,617 ครั้ง และถูกทำร้าย 1,220 ครั้ง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยฉุกเฉินจากเหตุใดก็ตาม ประชาชนสามารถโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือได้ที่หมายเลข 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ทุกเทศกาลที่ผ่านมาพบว่ามักจะมีโทรศัพท์ก่อกวนสายด่วน 1669 จำนวนมาก จึงต้องขอความร่วมมือประชาชนละเว้นการกระทำดังกล่าวด้วย เพราะทำให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนเสียโอกาสได้
ด้าน นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในการเดินทางช่วงเทศกาลให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกคนยึดหลัก 6 ต้อง 2 ควร ได้แก่ ต้องเตรียมพร้อมสภาพร่างกายและจิตใจ โดยพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่อดนอน ทำจิตใจให้แจ่มใส มีสมาธิ ไม่เครียด ต้องเตรียมสภาพรถให้พร้อมทุกระบบ ต้องวางแผนการเดินทาง ศึกษาเส้นทาง สภาพการจราจร สภาพถนน สิ่งแวดล้อมและดินฟ้าอากาศ ต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย สวมหมวกกันน็อคทุกครั้ง ควรจอดรถหยุดพักในที่ปลอดภัย เช่น สถานีบริการน้ำมัน ป้อมตำรวจทางหลวง เป็นระยะ ทุก 2 ชั่วโมง หรือทุก 150 กิโลเมตร เพื่อคลายความอ่อนล้าของร่างกาย
“หากรู้สึกง่วงอย่าฝืนขับรถเป็นอันขาด เพราะอาจหลับในและเกิดอุบัติเหตุได้ ควรดูแลกวดขันบุตรหลานไม่ให้ขับขี่รถจักรยานยนต์ หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่สำคัญคือ ผู้ที่จะขับขี่ยานพาหนะทุกต้องไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด เพื่อให้ “สงกรานต์นี้ ปลอดเหล้า ปลอดภัย” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว
เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ร่วมกันแถลงข่าว “สงกรานต์นี้ ปลอดเหล้า ปลอดภัย” เพื่อรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนที่มีสาเหตุมาจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2552
นายวิทยา กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2552 ซึ่งมีวันหยุดยาวติดต่อกัน 5 วัน กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเข้มข้น ใน 3 เรื่องหลักคือ 1.การรณรงค์สื่อสารให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ 2.การดูแลรักษาผู้บาดเจ็บในที่เกิดเหตุและในสถานพยาบาล เพื่อลดความพิการและเสียชีวิต และ 3.การเฝ้าระวังการบาดเจ็บโดยโรงพยาบาลซึ่งเป็นเครือข่ายทั่วประเทศ
“จะรณรงค์ให้ความรู้โดยให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กว่า 9 แสนคนทั่วประทศ ออกรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุร่วมกับจุดตรวจทุกหมู่บ้าน ทั้งเรื่องเมาไม่ขับ ขับขี่ถูกกฎจราจร และการขายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ถูกตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งเรื่องสถานที่ และเวลาจำหน่าย โดยกรมควบคุมโรคจะจัดทีมออกสุ่มสำรวจด้วย ซึ่งผู้พบเห็นการกระทำผิดเรื่องการขายเหล้า โดยสามารถแจ้งได้ที่ โทร. 0-2590-3342 ซึ่งหากอสม. จังหวัดใดสามารถรณรงค์ลดอุบัติเหตุได้มากที่สุด 3 อันดับแรก สธ. จะมีรางวัลเพื่อให้เป็นกำลังใจ เป็นเงินสด รางวัลที่ 1 จำนวน 50,000 บาท รางวัลที่ 2 จำนวน 30,000 บาท และรางวัลที่ 3 จำนวน 20,000 บาท” นายวิทยากล่าว
นายวิทยา กล่าวต่อว่า สำหรับการดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บได้ให้โรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่งเตรียมพร้อมบริการ 2 เรื่อง คือ การตั้งรับดูแลรักษาผู้บาดเจ็บในโรงพยาบาล ให้เตรียมทีมแพทย์พยาบาล โดยเฉพาะห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด และไอซียู สำรองยา เลือด วัสดุการแพทย์จำเป็น และเตียงว่างเพิ่มอีก 30% เพื่อรองรับผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุตลอด 24 ชั่วโมง และบริการที่ 2 คือ การเตรียมทีมออกไปให้การช่วยเหลือที่จุดเกิดเหตุ มีระบบการแจ้งขอความช่วยเหลือทางหมายเลข 1669 โดยมีกำลังทีมกู้ชีพฉุกเฉินทุกระดับทั่วประเทศ 72,560 คน รวมกว่า 6,000 ทีม ตั้งแต่การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่มีอาการสาหัส จนถึงการบาดเจ็บที่อาการไม่รุนแรง โดยปฏิบัติงานร่วมกับมูลนิธิ/อาสาสมัครกู้ภัยต่างๆ ที่ผ่านการอบรมตามมาตรฐานและเป็นหน่วยบริการร่วม
“หลังได้รับแจ้งเหตุภายใน 10 นาที ทีมกู้ชีพฉุกเฉินจะต้องไปถึงน่าจุดเกิดเหตุ โดยจะเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 10 -16 เมษายน 2552 ทั้งนี้ ได้มอบให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติและโรงพยาบาลเอกชน จัดเตรียมเฮลิคอปเตอร์สำหรับขนส่งผู้บาดเจ็บกรณีจำเป็นเร่งด่วนด้วย” นายวิทยา กล่าว
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้การบาดเจ็บและตายจากอุบัติเหตุทางถนน เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการบาดเจ็บและตายจากทุกสาเหตุ โดยแต่ละปีมีคนไทยตายจากอุบัติเหตุทางถนนเฉลี่ย 13,000 คน หรือชั่วโมงละ 1.5 คน บาดเจ็บกว่า 950,000 คน หรือชั่วโมงละกว่า 100 คน และในช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน สถิติการตายจากอุบัติเหตุทางถนนจะเพิ่มขึ้นกว่าช่วงปกติเกือบ 2 เท่าตัว โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ มักมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วย ทำให้ยิ่งมีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงขึ้น
ด้านนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประสานอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ให้เจรจากับห้างสรรพสินค้า โมเดิร์น เทรด ให้เข้าร่วมโครงการ “อร่อย...ดี สงกรานต์นี้ไม่มีเหล้า” เพื่องดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอด 24 ชั่วโมง ในวันที่ 13 เมษายนนี้ ซึ่งหากมีผู้สมัครใจเข้าโครงการจำนวนมาก จะกลายเป็นกระแสสังคมที่ดี จูงใจให้เอกชนต่างๆ หันมางดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยที่ไม่ต้องมีกฎหมายมาบังคับ ซึ่งล่าสุด มีโรมแรม แกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน กรุงเทพฯ ได้เข้าร่วมโครงการด้วย
นายมานิต กล่าวต่อว่า การเกิดอุบัติเหตุช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ยังไม่มีแนวโน้มลดลง ล่าสุดปี 2551 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นทั้งหมด 4,243 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 4,803 ราย ตาย 368 ราย โดยวันที่ 13 เมษายน เป็นวันที่เกิดอุบัติเหตุมีผู้บาดเจ็บและตายสูงสุด พาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากสุดร้อยละ 80 คือ รถจักรยานยนต์ สาเหตุจากเมาสุรา ร้อยละ 41 รองลงมาคือ ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 23 ขับรถตัดหน้ากระชั้นชิดและสภาพรถไม่ปลอดภัย
“ส่วนพฤติกรรมเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ ไม่สวมหมวกกันน็อค ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวน ที่สำคัญพบเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์และได้รับบาดเจ็บสูงขึ้น ทั้งที่กฎหมายยังไม่อนุญาตให้ขับขี่ได้ ยิ่งกว่านั้นยังพบว่า1 ใน 6 ของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บมีการดื่มสุราด้วย อายุต่ำสุดเพียง 10 ปี เป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก”นายมานิต กล่าว
นายมานิต กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีที่ผ่านมา ทีมกู้ชีพฉุกเฉินออกให้บริการทั้งหมด 18,514 ครั้ง แยกเป็น อุบัติเหตุจราจร 7,736 ครั้ง เจ็บป่วยฉุกเฉิน 8,617 ครั้ง และถูกทำร้าย 1,220 ครั้ง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยฉุกเฉินจากเหตุใดก็ตาม ประชาชนสามารถโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือได้ที่หมายเลข 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ทุกเทศกาลที่ผ่านมาพบว่ามักจะมีโทรศัพท์ก่อกวนสายด่วน 1669 จำนวนมาก จึงต้องขอความร่วมมือประชาชนละเว้นการกระทำดังกล่าวด้วย เพราะทำให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนเสียโอกาสได้
ด้าน นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในการเดินทางช่วงเทศกาลให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกคนยึดหลัก 6 ต้อง 2 ควร ได้แก่ ต้องเตรียมพร้อมสภาพร่างกายและจิตใจ โดยพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่อดนอน ทำจิตใจให้แจ่มใส มีสมาธิ ไม่เครียด ต้องเตรียมสภาพรถให้พร้อมทุกระบบ ต้องวางแผนการเดินทาง ศึกษาเส้นทาง สภาพการจราจร สภาพถนน สิ่งแวดล้อมและดินฟ้าอากาศ ต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย สวมหมวกกันน็อคทุกครั้ง ควรจอดรถหยุดพักในที่ปลอดภัย เช่น สถานีบริการน้ำมัน ป้อมตำรวจทางหลวง เป็นระยะ ทุก 2 ชั่วโมง หรือทุก 150 กิโลเมตร เพื่อคลายความอ่อนล้าของร่างกาย
“หากรู้สึกง่วงอย่าฝืนขับรถเป็นอันขาด เพราะอาจหลับในและเกิดอุบัติเหตุได้ ควรดูแลกวดขันบุตรหลานไม่ให้ขับขี่รถจักรยานยนต์ หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่สำคัญคือ ผู้ที่จะขับขี่ยานพาหนะทุกต้องไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด เพื่อให้ “สงกรานต์นี้ ปลอดเหล้า ปลอดภัย” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว
