กทม.เตรียมจ้างทนายความสู้คดีจ่ายค่าระวางหน้าท่ารถ-เรือดับเพลิงเองหลังอัยการฝ่ายคดีแพ่งขอถอนตัว ปธ.ชุดแก้ไขปัญหาระบุ 16 เม.ย.นี้ต้องได้ตัวทนายความ เผยเตรียมเสนอ ครม.ตั้งคณะกรรมการกลางแก้ไขรถดับเพลิง
แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาข้อตกลงซื้อขายรถเรือดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยว่า หลังจากที่ กทม.ได้ส่งตัวแทนเข้าไปชี้แจงต่อคณะกรรมการการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ที่มีนางสาวรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.เป็นประธานนั้น เป็นไปด้วยความเรียบร้อยทาง กมธ.พอใจ และอยากให้ กทม.แก้ไขปัญหาดังกล่าวให้จบโดยเร็ว ซึ่งในส่วนนี้ต้องอยู่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และทางอัยการสูงสุดจะตกลงกันว่าจะดำเนินการไปในทิศทาใดซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจของ กทม. อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 23 เมษายนนี้ ทาง กมธ.ชุดคุณรสนาได้เชิญ ป.ป.ช.และทางอัยการเข้าให้ข้อมูลเพื่อดูแนวทางว่าจะสามารถตรวจสอบกรณีการจัดซื้อรถเรือดับเพลิงในประเด็นใดได้อีกบ้าง
ส่วนกรณีที่อธิบดีฝ่ายคดีแพ่งมีหนังสือถึง กทม.โดยแจ้งว่าทางอัยการขอถอนตัวจากการเป็นทนายความให้ กทม.ในคดีหมายเลขดำที่ 6436/2551 ที่บริษัท นามยง เทอร์มินอล จำกัด ดำเนินธุรกิจท่าเทียบเรือที่ท่าเรือ A5 แหลมฉบัง จ.ชลบุรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง กทม.เป็นจำเลยเรื่องผิดสัญญาชำระค่าธรรมเนียมระวางสินค้า (ค่าหน้าท่า) พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี รวม 177,886,364 ล้านบาท ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย.นี้ เพราะเห็นว่า กทม.อยู่ในฐานะเสียเปรียบ เนื่องจากได้มีการเปิดแอลซีชำระเงินค่างวดไปแล้วนั้น แพทย์หญิงมาลินี กล่าวว่า ไม่มีปัญหา กทม.สามารถจ้างทนายความแก้ต่างในคดีนี้เองได้ เพราะมีหลายคดีที่อัยการไม่ยื่นฟ้องให้และโจทก์ยื่นฟ้องเอง
ในการจัดหาทีมทนายความมาว่าความสู้คดีในเรื่องนี้นั้น ทางนายกฤษฎา กลันทานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมายและคดี กทม.รับเป็นผู้ดำเนินการและขออนุมัติงบประมาณซึ่งจะต้องได้ข้อสรุปว่าใครจะเป็นทนายความให้กับกทม.ในวันที่ 16 เม.ย.นี้ เพื่อที่จะได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอขยายเวลาคำให้การออกไปอีก 2 เดือนซึ่งแล้วแต่ศาลจะพิจารณา
แพทย์หญิงมาลินี กล่าวอีกว่า ที่สำคัญทางคณะกรรมการฯ เห็นพ้องว่าโดยหลักการจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อจัดการเกี่ยวกับปัญหากรณีจัดซื้อรถเรือดับเพลิงทั้งหมดซึ่งทางคณะกรรมการนจะเสนอเรื่องใก้ผู้ว่าเห็นชอบและเสนอไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อเข้าส่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อ ซึ่งคณะกรรมการชุดที่ว่านี้จะต้องได้รับการแต่งตั้งจาก ครม.มีผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของ กทม. สำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ ส่วนจะตั้งใครเป็นประธานคณะกรรมการนั้นก้แล้วแต่ดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรีและผู้ว่าฯ กทม.
อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมการฯจะมีการประชุมกันอีกครั้งในวันพุธที่ 22 เม.ย.ซึ่งคาดว่าจะเป็นการประชุมนัดสุดท้าย ซึ่งในที่ประชุมจะมีการหารือทบทวนรายละเอียดอีกครั้งก่อนเสนอผู้ว่าฯ กทม.เป็นลำดับต่อ และถือเป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจของคณะกรรมการชุดที่มีตนเป็นประธาน
แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาข้อตกลงซื้อขายรถเรือดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยว่า หลังจากที่ กทม.ได้ส่งตัวแทนเข้าไปชี้แจงต่อคณะกรรมการการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ที่มีนางสาวรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.เป็นประธานนั้น เป็นไปด้วยความเรียบร้อยทาง กมธ.พอใจ และอยากให้ กทม.แก้ไขปัญหาดังกล่าวให้จบโดยเร็ว ซึ่งในส่วนนี้ต้องอยู่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และทางอัยการสูงสุดจะตกลงกันว่าจะดำเนินการไปในทิศทาใดซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจของ กทม. อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 23 เมษายนนี้ ทาง กมธ.ชุดคุณรสนาได้เชิญ ป.ป.ช.และทางอัยการเข้าให้ข้อมูลเพื่อดูแนวทางว่าจะสามารถตรวจสอบกรณีการจัดซื้อรถเรือดับเพลิงในประเด็นใดได้อีกบ้าง
ส่วนกรณีที่อธิบดีฝ่ายคดีแพ่งมีหนังสือถึง กทม.โดยแจ้งว่าทางอัยการขอถอนตัวจากการเป็นทนายความให้ กทม.ในคดีหมายเลขดำที่ 6436/2551 ที่บริษัท นามยง เทอร์มินอล จำกัด ดำเนินธุรกิจท่าเทียบเรือที่ท่าเรือ A5 แหลมฉบัง จ.ชลบุรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง กทม.เป็นจำเลยเรื่องผิดสัญญาชำระค่าธรรมเนียมระวางสินค้า (ค่าหน้าท่า) พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี รวม 177,886,364 ล้านบาท ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย.นี้ เพราะเห็นว่า กทม.อยู่ในฐานะเสียเปรียบ เนื่องจากได้มีการเปิดแอลซีชำระเงินค่างวดไปแล้วนั้น แพทย์หญิงมาลินี กล่าวว่า ไม่มีปัญหา กทม.สามารถจ้างทนายความแก้ต่างในคดีนี้เองได้ เพราะมีหลายคดีที่อัยการไม่ยื่นฟ้องให้และโจทก์ยื่นฟ้องเอง
ในการจัดหาทีมทนายความมาว่าความสู้คดีในเรื่องนี้นั้น ทางนายกฤษฎา กลันทานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมายและคดี กทม.รับเป็นผู้ดำเนินการและขออนุมัติงบประมาณซึ่งจะต้องได้ข้อสรุปว่าใครจะเป็นทนายความให้กับกทม.ในวันที่ 16 เม.ย.นี้ เพื่อที่จะได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอขยายเวลาคำให้การออกไปอีก 2 เดือนซึ่งแล้วแต่ศาลจะพิจารณา
แพทย์หญิงมาลินี กล่าวอีกว่า ที่สำคัญทางคณะกรรมการฯ เห็นพ้องว่าโดยหลักการจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อจัดการเกี่ยวกับปัญหากรณีจัดซื้อรถเรือดับเพลิงทั้งหมดซึ่งทางคณะกรรมการนจะเสนอเรื่องใก้ผู้ว่าเห็นชอบและเสนอไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อเข้าส่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อ ซึ่งคณะกรรมการชุดที่ว่านี้จะต้องได้รับการแต่งตั้งจาก ครม.มีผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของ กทม. สำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ ส่วนจะตั้งใครเป็นประธานคณะกรรมการนั้นก้แล้วแต่ดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรีและผู้ว่าฯ กทม.
อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมการฯจะมีการประชุมกันอีกครั้งในวันพุธที่ 22 เม.ย.ซึ่งคาดว่าจะเป็นการประชุมนัดสุดท้าย ซึ่งในที่ประชุมจะมีการหารือทบทวนรายละเอียดอีกครั้งก่อนเสนอผู้ว่าฯ กทม.เป็นลำดับต่อ และถือเป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจของคณะกรรมการชุดที่มีตนเป็นประธาน