xs
xsm
sm
md
lg

มาออกกำลังกายใน “น้ำ” กันเถอะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ในวันที่ 25 เมษายนนี้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรมที่สำคัญกิจกรรมหนึ่ง ที่ชายหาดพัทยา จ.ชลบุรี นั่นก็คือ กิจกรรม “ลงน้ำ ลดพุง ลดโลกร้อน” พร้อมทั้งจะร่วมสร้างสถิติการออกกำลังกายในน้ำทะเลมากที่สุดในโลก จำนวน 2,009 คนอีกด้วย

สาเหตุสำคัญของการจัดกิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อให้ประชาชนไทยได้รู้จักวิธีการออกกำลังกายในน้ำ ซึ่งเป็นการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ที่เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย ไม่มีข้อจำกัดทั้งผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น อ้วนน้ำหนักตัวมาก หรือผู้ที่มีปัญหาข้อเข่าเสื่อม เนื่องจากพบว่าขณะนี้คนไทยมีภาวะอ้วนและอ้วนลงพุงเพิ่มมากขึ้น จากการกินอาหารรสหวาน มัน เค็มเพิ่มขึ้น แต่กินผักผลไม้น้อย และขาดการออกกำลังกาย โดยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาพบว่า ในกลุ่มอายุ 20-29 ปี มีภาวะโรคอ้วนเพิ่ม 7.5 เท่าตัว จากร้อยละ 2.9 เป็นร้อยละ 21.7 ในกลุ่มอายุ 40-49 ปี อ้วนเพิ่มขึ้น 1.7 เท่า

มานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุขให้ข้อมูลว่า บรรดาคนอ้วนลงพุงนั้นจะมีไขมันสะสมในช่องท้องมากเกินไป ทำให้เป็นโรคอ้วนลงพุงหรือเมตาบอลิกซินโดรม (Metabolic Syndrome) มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และระดับไขมันในเลือดสูง เสี่ยงเป็นโรคเรื้อรังมากขึ้น ได้แก่ เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โดยรอบเอวที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 5 เซนติเมตร จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงเป็นเบาหวาน 3-5 เท่า

“มีงานวิจัยจากต่างประเทศ ยืนยันว่า คนอ้วนมีส่วนทำให้โลกร้อนขึ้น จากความต้องการพลังงานในแต่ละวันสูงกว่าคนทั่วไปจึงต้องการอาหารเพิ่ม ส่งผลให้ต้องทำการเกษตรมากขึ้น เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในการเดินทางยังต้องใช้เชื้อเพลิงมากขึ้น เพราะเครื่องยนต์ต้องทำงานหนักจากการแบกรับน้ำหนักตัวของคนอ้วน รวมทั้งต้องใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ มากขึ้น เช่นเปิดแอร์ เพราะคนอ้วนจะร้อนง่าย ส่งผลต่อภาวะโลกร้อนซึ่งกำลังเป็นภัยคุกคามโลกในหลายๆด้านและทำให้เกิดโรคติดเชื้อเพิ่มขึ้นด้วย”มานิต แจกแจง

ด้าน ศ.นพ.สมหวัง ด่านชัยวิจิตร ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย อธิบายเพิ่มเติมว่า การออกกำลังกายในน้ำเป็นทางเลือกการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง ซึ่งการออกกำลังกายในน้ำประเภทแอโรบิกในน้ำจะช่วยเผาผลาญไขมัน และช่วยเพิ่มความทนทานของระบบทางเดินหายใจและหัวใจได้เช่นเดียวกับการออกกำลังกายบนบก โดยในเวลา 30 นาทีจะเผาผลาญพลังงานได้ไม่ต่ำกว่า 300 แคลอรี และในเวลาการออกกำลังกายเท่าๆ กัน จะช่วยให้ชีพจรเต้นน้อยกว่า 17 ครั้งต่อนาที ทำให้ออกกำลังกายได้นานแต่เหนื่อยน้อยกว่า

นอกจากนี้ การออกกำลังกายในน้ำยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ช่วยรองรับน้ำหนักไม่ให้เกิดแรงกดที่ข้อเข่าและข้อเท้า ช่วยพยุงไม่ให้ล้มง่าย อีกทั้งแรงดันในน้ำจะช่วยทำหน้าที่เหมือนการนวด ทำให้ลดอาการปวดหลัง ลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อ รู้สึกผ่อนคลาย ระบบหมุนเวียนเลือดดีขึ้น จึงเหมาะกับคนอ้วนมีน้ำหนักตัวมาก ผู้สูงอายุ และหญิงที่กำลังตั้งครรภ์

“การออกกำลังกายในน้ำมีประโยชน์เช่นเดียวกับการเดิน วิ่ง หรือแอโรบิกบนบก และยังเหมาะสมกับประเทศไทยซึ่งน้ำในแม่น้ำในทะเล ไม่เย็นจัดเหมือนเมืองหนาว มีสระว่ายน้ำจำนวนมาก อีกทั้งการวิ่งหรือเดินบนบกอย่างหนักในช่วงที่อากาศร้อนอุณหภูมิสูงกว่า 30 องศาเซลเซียสอาจเป็นอันตรายได้”ศ.นพ.สมหวัง อธิบาย

พลเรือโท นพ.สุริยา ณ นคร เจ้ากรมการแพทย์ทหารเรือ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าการออกกำลังกายในน้ำเพื่อลดความอ้วนจะต้องอาศัยวิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้อง โดยมีหลักการง่ายๆ คือ ไม่ออกกำลังกายระดับหนักแต่ให้ออกกำลังกายระดับเบาถึงปานกลาง วันละ 1 ชั่วโมงเป็นประจำทุกวัน ซึ่งอาจจะเริ่มจากการออกกำลังกายเบาๆ หรือสปาก่อนเพื่อให้เกิดความรู้สึกอยากออกกำลังกายมากขึ้น จึงเริ่มต้นออกกำลังกายอย่างจริงจัง

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมออกกำลังกายในน้ำทะเลโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ รับจำนวนจำกัดเพียง 2,009 คนเท่านั้น โดยสมัครผ่านเว็บไซต์ของราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย www.rcpt.org/index.asp ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 15 เม.ย.2552 หรือดาวน์โหลดใบสมัครและส่งทางไปรษณีย์ไปที่ ราชวิทยาลัยอายุรแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี ชั้น 7 เลขที่ 2 ซอยศูนย์วิจัย ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กทม.10310 โทรศัพท์ 0-2716-6744 ต่อ 15
กำลังโหลดความคิดเห็น