ASTVผู้จัดการรายวัน - รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นควันไฟที่กระจายตัวปกคลุมอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ ว่า ฝุ่นควันไฟที่เกิดขึ้นเกิดจากการเผาป่าโดยฝีมือมนุษย์ไม่ได้เกิดจากไฟป่าโดยธรรมชาติ สาเหตุเนื่องจากต้องการดักจับสัตว์ป่าที่หนีไฟออกมา รวมถึงหลังการเผาไหม้พืชพันธุ์ต่างๆ อาทิ ผักหวาน หน่อไม้ จะงอกขึ้นใหม่หลังฝนตก ซึ่งแม้แต่พื้นที่ป่าบริเวณดอยแง่มใน มฟล.ก็ถูกลักลอบเผาป่าประมาณ 200 ไร่ และเหตุการณ์ดังกล่าวมักจะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีโดยมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น การจะแก้ปัญหาฝุ่นควันไฟได้ จะต้องให้ความรู้แก่ประชาชนในชุมชนเพื่อไม่ให้ลักลอบเผาป่า นอกจากนี้ ต้องมีสินบนนำจับผู้เผาป่า รวมถึงต้องมีมาตรการส่งเสริมอาชีพให้กับคนในพื้นที่ด้วย เพราะหากชาวบ้านมีอาชีพที่ดีก็จะไม่ต้องจับสัตว์ป่า ซึ่งกลไกสำคัญในการแก้ปัญหาฝุ่นควันไฟ นั้นคือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ต้องเร่งรณรงค์ให้ความรู้กับคนในพื้นที่โดยไม่ต้องรอหน่วยงานจากส่วนกลาง มฟล.จึงได้เตรียมประชุมร่วมกับ อปท.กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อวางแนวทางการแก้ปัญหา ทั้งการให้ความรู้แก่ราษฎรถึงผลเสียของการลักลอบเผาป่า การจัดตั้งหน่วยระวังภัยภายในชุมชนเพื่อทำหน้าที่คอยสอดส่องดูแล การตั้งสินบนนำจับผู้ลักลอบเผาป่า และการกำหนดมาตรการส่งเสริมอาชีพให้แก่ราษฎร
รศ.ดร.วันชัย กล่าวอีกว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเผาป่าส่งผลคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือแย่ลง ส่งผลให้คนในพื้นที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และเป็นโรคภูมิแพ้ ซึ่ง มฟล.ได้แจกผ้าปิดหน้าจำนวน 1,000 ผืน สำหรับบุคลากรภายในมหาวิทยาลัย โดยขณะนี้ควันไฟยังไม่ส่งผลกระทบต่อนักศึกษามากนัก เพราะอยู่ในช่วงปิดภาคเรียน แต่คาดว่าในระยะยาวจะส่งผลกระทบอย่างแน่นอน เนื่องจากมีบุคลากรของ มฟล.ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้อากาศมากขึ้น ขณะเดียวกันการเผาทำลายป่ายังทำให้ป่าไม้ที่กำลังเจริญเติบโตได้รับความเสียหาย ทำให้พื้นที่ป่าลดน้อยลง ซึ่งสถาบันอุดมศึกษาในภาคเหนือทุกแห่งต้องร่วมมือกับ อปท.รณรงค์ยุติการเผาป่าอย่างจริงจังจึงแก้ปัญหาดังกล่าวได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ฝุ่นควันไฟที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้นั้น จะเริ่มดีขึ้นในช่วงประมาณปลายเดือนเมษายนที่เริ่มจะมีฝนตกลงมาบ้าง