เชียงราย - อธิการบดี ม.แม่ฟ้าหลวงรับเงินบริจาค 10 ล้าน ตั้งมูลนิธิมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเ พื่อพัฒนาครูชนบทระบุสาเหตุที่ต้องเน้นการพัฒนาเพราะพบปัญหาระดับคุณภาพของครูและนักเรียนในชนบทตกต่ำอย่างหนักเมื่อเทียบกับนักเรียนในเมือง
รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เปิดเผยว่าปัจจุบันมหาวิทยาลัยได้ก่อตั้งองค์กรเพื่อการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ จ.เชียงราย ขึ้นมาอีกหนึ่งองค์กรชื่อว่า “มูลนิธิมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเพื่อพัฒนาครูชนบท” โดยมีทุนดำเนินการเบื้องต้นซึ่งได้จากการบริจาคจากผู้ใจบุญจำนวนประมาณ 10 ล้านบาท วัตถุประสงค์ของมูลนิธิคือมุ่งยกระดับคุณภาพมาตรฐานด้านการศึกษาของโรงเรียน ครูและนักเรียนที่อยู่ตามชนบทให้สูงขึ้นทุกกลุ่มสาระ เนื่องจากในปัจจุบันพบว่าระดับคุณภาพมาตรฐานของนักเรียนตามชนบทยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำอย่างมาก และสาเหตุสำคัญเกิดจากการที่ตัวครูเองที่ไม่มีความรู้ ไม่มีคุณภาพ ไม่มีจิตใจของความเป็นครู และบางครั้งเกิดจากการที่มีฐานะยากจน
รศ.ดร.วันชัย กล่าวว่า สาเหตุดังกล่าวไม่ได้เป็นการระบุออกมาโดยไร้เหตุผล แต่เกิดจากการที่มหาวิทยาลัยได้มีการศึกษาและทดลองนำวิธีการยกระดับคุณภาพมาตรฐานไปใช้ในบางโรงเรียนมาแล้ว และพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบไปถึงการเรียนการสอนของนักเรียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับกิจกรรมของมูลนิธิก็จะมีหลากหลายทั้งการจัดการฝึกอบรมและการบริหารด้านสื่อการเรียนการสอนต่างๆ ซึ่งมหาวิทยาลัยคงจะทำได้เพียงการเป็นโครงการนำร่องในระดับจังหวัดไปก่อน ส่วนการดำเนินการในระดับประเทศก็อยากให้กระทรวงศึกษาธิการนำไปขยายผลปฏิบัติทั่วประเทศต่อไป
“ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าคุณภาพของนักเรียนจำนวนมากที่ไปสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยถือว่าต่ำมากๆ แต่ก็ยืนยันว่าเด็กของเราไม่ได้โง่เพียงแต่พวกเขาไม่ได้รับโอกาสที่ดีเท่านั้น” รศ.ดร.วันชัย กล่าว ทั้งนี้ก่อนหน้านี้อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงมักจะระบุว่าประสบกับปัญหาคุณภาพของนักเรียนที่เข้าสมัครเรียนโดยเฉพาะที่มาจากโรงเรียนในชนบท โดยเฉพาะการทดสอบก่อนสมัครเรียนด้วยภาษาอังกฤษซึ่งเกรดที่ได้จากโรงเรียนกับระดับมาตรฐานที่นักเรียนตอบอาจารย์ที่สอบสัมภาษณ์แตกต่างกันอย่างมาก
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อปีที่ผ่านมามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงมีสถิติจำนวนนักศึกษาที่เข้าเรียนพบว่าเป็นคน จ.เชียงราย 25% เป็นคนในภาคเหนือ 16% และอีก 59% มาจากพื้นที่อื่น ส่วนนักศึกษาที่จบการศึกษาออกไปแล้วพบว่ามีงานทำที่ดีโดยอยู่กับภาครัฐหรือเอกชนถึง 70% ส่วนอีกประมาณ 20% ทำงานส่วนตัว ที่เหลืออีกราว 10% กำลังติดตามผล